064 - ชีวิตในเมืองหลวง
ก็ไม่รู้สินะ แต่ดูเหมือนฉันจะเกิดใหม่ที่ต่างโลกล่ะ
よくわからないけれど異世界に転生していたようです
แปล : Ayumin3310
นับจากวันที่เดินทางมาถึงเมืองหลวงก็ล่วงมาหนึ่งอาทิตย์แล้วค่ะ เอ๋? ไม่ใช่ว่าฉันกดข้าม เล่าข้ามฉากเร็วไปหน่อยเหรอ? ไม่เลย ไม่ต้องวอรี่เลยซักกะนิด
ตอนนี้ฉันก็กำลังรบกวนบ้านของคุณลิลลี่อยู่หละ เป็นช่วงเวลาที่ชิลจัดๆ อาหารก็อร่อยทุกมื้อ แล้วก็เลิกจ้องมองส่งสายตาขุ่นเคืองมาได้แล้วนะคะ คุณลิลลี่ ฉันไม่ทำอาหารกินเองหรอกตราบใดที่ไม่จำเป็นน่ะ
ช่วงสามวันแรกหลังจากที่เดินทางมาถึงเมืองหลวง ฉันก็ตระเวณซื้อเครื่องปรุงไปทั่วตามแผนที่วางเอาไว้ ไล่กวาดดูมันทั้งหมด ทั้งพื้นที่สำหรับชนชั้นสูงและสามัญชน อยากบอกว่านี่ดีใจเอามากเลย ที่หาของได้หลายอย่าง แถมยังเจอเมล็ดงาวางขายอยู่โดยไม่ได้คาดคิดซะอีก
จากนั้นก็ยังซื้อผ้าและด้ายอีกเพียบ ด้วยว่า ฉันได้ลองตัดชุดชั้นใจด้วยผ้าไหมขึ้นมาแล้วดันถูกใจน่ะสิ ชั้นในผ้าไหมน่ะให้ความรู้สึกที่ดีแล้วก็ใส่สบาย รู้สึกดีซะจนอยากใส่มันทุกวันเลยล่ะ
เพิ่มเติมก็คือ นับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านนี้ แม่ของคุณลิลลี่ลากพวกเราไปดื่นชาด้วยทุกวันเลย ฉะนั้นจึงแทบจะหาคำว่าหิวไม่เจอ ก็ในเมื่อดื่มชากันเยอะขนาดนี้
และมีอยู่หนหนึ่งหลังจากที่ฉันทำทาร์ตส้มป้อนให้คุณเธอกินแล้ว ก็เหมือนจะถูกพิศวาสมากขึ้นไปกว่าเดิมซะอีก แถมยังได้ยินบอกอะไรซักอย่างกับคุณลิลลี่ราวๆ ว่า “อย่าปล่อยให้หลุดมือไปเด็ดขาดนะ! ” หรือไม่ก็ “รีบรวบหัวรวบหางได้แล้วนะ! ”
เราสองคนเพศเดียวกันนะเจ้าคะ เข้าใจเรื่องนั้นมั้ยเนี่ย?
แต่ในความเป็นจริง ความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวระหว่างเพศเดียวกันในโลกนี้ ค่อนข้างจะเป็นเรื่องลำบากยากเย็นอยู่พอสมควร
ถ้าคุณรวยมากพอ หรือเป็นชนชั้นสูง และตราบใดที่คุณมีทายาทสืบสกุลอย่างถูกต้อง เรื่องพวกนี้ก็อาจจะทำได้ตามแต่รสนิยมของแต่ละคน แต่เรื่องจะกลับกันทันที ถ้าคุณเป็นแค่สามัญชนคนเดินดินธรรมดา เพราะสังคมจะทอดทิ้งคุณทันที
แต่ดูเหมือนว่า สำหรับนักผจญภัยแล้วจะกลับกัน ไม่ถือในเรื่องนั้นกันซักเท่าไหร่ เนื่องจากในหลายๆครั้ง ความต้องการทางเพศของคนเรามันจะพุ่งเอาตอนที่ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมบีบคั้นที่มีความเสี่ยงต่อชีวิตสูง ทำให้สัญชาติญาณในการเอาตัวรอดเพิ่มขึ้น ฉะนั้นเรื่องอย่างนักผจญภัยหนุ่มสองคนมี มิตรภาพกล้ามเนื้อของลูกผู้ชาย1 ต่อกัน ในดันเจี้ยนลึก ก็ไม่ใช่เรื่องที่หาได้ยากอะไร ที่แย่ก็คืออยู่ในสภาพแบบนัั้น คงไม่มีทางได้อาบน้ำแน่ๆ แล้วนึกดูว่า เนื้อตัวเหนียวๆ เหงื่อไคลโทรมกาย กลิ่นตัวของลูกผู้ชาย...แค่คิดก็ไม่ไหวแล้วอ่ะ แล้วก็นะ มิตรภาพระหว่างหญิงสาวที่สวยงามเปรียบเสมือนดอกไม้น่ะ น่าพิศวาสกว่าเห็นๆ !
[1 男同士の肉 : 男同士 = มิตรภาพของลูกผู้ชาย, 肉 = เนื้อ (ผู้แปลนึกภาพตามก็ไม่ไหวเหมือนกันค่ะ) ]
…...แต่ไม่ได้หมายความว่า การแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันจะได้รับการยอมรับหรอกนะ เพราะอย่างงั้นถึงบอกว่าลำบาก เพราะแม้แต่กฏหมายก็ไม่อนุญาติให้มีการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน
เพราะงั้น ถ้าเป็นไปได้เลยอยากให้แม่ของคุณลิลลี่ได้โปรดเพลาๆ ลงสักหน่อย…...แถมช่วงนี้สายตาของคุณลิลลี่ก็เริ่มน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วด้วย…...
แต่ว่านะ ถ้าจะเอาแบบนั้นให้ได้จริงๆ คุณลุงคนนี้ก็ยินดีรับด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งนะ ตกลงมั้ย? นี่เอาจริงนะ...ตกลงนะ?
ล้อเล่นน่ะ ตลกไร้สาระไปงั้นแหละ ฉันยังหวาดๆ ตั้งแต่หนโน้นที่โดนมองแบบหื่นกระหายใส่หลังจากมื้อค่ำนั่นอยู่เลย เพราะงั้นขอโทษนะ ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา! ก็แต่ดั้งแต่เดิมก็เป็นฮิกกี้ฯ1 ง่ะ! เพราะงั้นขอเวลาให้เตรียมใจอีกสักหน่อยเถอะนะ…...มาเริ่มจากจุดที่สบายใจอย่างจูงมือเดินกระหนุงกระหนิงกันเถอะนะ เพราะงั้นเริ่มจากจับมือเนอะ จับมือ!
[1 ฮิคิโคโมริ : พวกเก็บตัว หลีกหนีจากสังคม]
และในวันที่สี่ ฉันก็เริ่มเรียนเวทย์มนต์กับคุณลิลลี่
การสอนของคุณลิลลี่นั้นเข้าใจได้ง่ายมาก ง่ายขนาดที่ทำให้ฉันเรียนรู้เวทย์ธาตุได้แบบง่ายๆ และตอนนี้ ฉันก็เรียนรู้เวทย์ธาตุได้ครบทั้งหมดแล้ว ที่เหลือก็แค่ไล่เพิ่มระดับของสกิลไป
แต่ที่เรียนรู้ไปทั้งหมดนั้น ไม่ได้รู้พื้นฐาน ที่มาเลยซักนิด สักแต่ท่อนจำเอาเฉยๆ ซึ่งถ้าอยากเรียนรู้ให้ลึกไปกว่านี้ คงต้องให้สอนแบบลงรายละเอียดอีกรอบ
แต่ว่านะ ดูเหมือนว่าปกติแล้วค่า ความเข้ากันของเวทย์ธาตุ ทั้งหลายจะไม่แสดงออกมาในหน้าต่างสถานะนะ แต่เดาว่ากรณีฉัน ที่โชว์หราออกมาจนหมดแบบนี้น่าจะเป็นผลของสกิล【ประเมินค่า】ล่ะมั้งนะ?
อย่างไรก็ตาม ฉันก็เรียนรู้เวทย์มนต์ทุกบทจบอย่างรวดเร็ว จนคุณลิลลี่ไม่มีอะไรเหลือพอที่จะสอนอีกแล้ว เธอจึงย้ายไปสอนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบการจัดการพลังเวทย์มนต์แทน
จากที่ฟังมา นอกจากเวทย์ธาตุแล้ว ยังมีเวทย์มนต์ที่เฉพาะเจาะจงลงไปที่ผลของตัวเวทย์มนต์เองอีก
เริ่มจากที่ยากน้อยที่สุด ก็คือเวทย์มนต์พื้นฐานอย่างการร่ายคาถากับการควบคุมการไหลเวียนของเวทย์มนต์ ยกตัวอย่างก็คือให้ฝึกร่ายเวทย์ธาตุ ให้ลอยบนฝ่ามือ ลอยอยู่ข้างหน้า หรือหมุนวนไปรอบๆ ตัว เวทย์ไฟ สำหรับเวทย์ธาตุไฟ เวทย์น้ำ สำหรับเวทย์ธาตุน้ำ ราวๆ นั้น
ส่วนการที่ระดับของสกิลเวทย์ธาตุทั้งหลายสูงขึ้น ก็จะสามารถร่ายคาถาที่มีความสามารถสูงขึ้นตามไปด้วยอย่างเช่น เวทย์ธาตุไฟระดับสูงก็จะสามารถเสกไฟที่มีความร้อนสูงกว่าปกติ หรือใช้ร่วมกับเวทย์ธาตุน้ำเพื่อเสกน้ำร้อน หรือน้ำเย็นได้
ถัดมาก็คือ 『ลูกศร』 เป็นรูปแบบการใช้เวทย์ธาตุเพื่อโจมตีโดยการยิงเวทย์มนต์ออกไป เป็นอะไรที่คล้ายๆ กับลูกศรหรือลูกธนู ตรงตามชื่อของมันนั่นแหละ แต่ด้วยความที่พลังทำลายค่อนข้างต่ำ แต่ก็แลกมาด้วยระยะหวังผลที่ไกล และเจ้านี่ก็คือหนึ่งในเวทย์มนต์โจมตีขั้นต้นทั้งหลาย
ต่อมาก็คือ 『บอล』 ใช่แล้ว แบบที่เห็นกันบ่อยๆ อย่าง ลูกบอลอัคคี1 นั่นแหละ และด้วยมวลของมัน ทำให้มันระเบิดออกทำความเสียหายในพื้นที่รอบๆ การระเบิด เพราะงั้นสกิลแบบนี้จะได้ผลดีในพื้นที่ๆศัตรูหนาแน่น ส่วนระยะหวังผลนั่นก็ขึ้นอยู่กับระดับของสกิลน่ะ
[1 ファイヤーボール : Fireball]
อีกอันก็คือ 『โล่』 เวทย์มนต์สำหรับการป้องกัน ยกตัวอย่างเป็นเวทย์ธาตุไฟ ผลของการร่ายเวทย์ก็คือ จะมีโล่ไฟกางขึ้นมาตรงหน้าผู้ร่าย และโดยตามปกติแล้ว เวทย์ธาตุไฟนั้นจะแพ้เวทย์ธาตุน้ำ แถมยังต้องมานั่งดูตามพลังเวทย์ที่อัดเข้าไปในการสร้างโล่อีก ทำให้โดยทั่วไปแล้วเวทย์ธาตุประเภทโล่มักจะถูกใช้ป้องกันเวทย์ธาตุเดียวกันมากกว่า จึงกลายเป็นว่าเวทย์มนต์ประเภทนี้แลดูใช้งานยากแบบแปลกๆ ไป
ตามมาด้วย 『หอก』 ระยะหวังผลใกล้ แต่พลังทำลายล้างสูง และโดยการปรับพลังเวทย์ที่ใช้ เวทย์ธาตุประเภทนี้ก็สามารถยืดระยะโจมตีออกไปได้ แม้จะไม่เท่าลูกศร แต่พลังทำลายล้างก็จะสูงกว่า เรียกกันว่า “หอกขว้าง” หรือจะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ระยะหวังผลกับพลังทำลายล้างของเวทย์มนต์นั้นสวนทางกัน ทางเดียวที่จะเพิ่มทั้งระยะหวังผลและพลังนั้นคือ อัดพลังเวทย์มนต์ หรือ MP ลงไปให้มากขึ้น หรือไม่ก็ต้องหาทางเรียนรู้หาเทคนิคใหม่ๆ เอา
สุดท้ายก็คือ 『กำแพง』 จะเป็นการสร้างอะไรอย่างเช่น กำแพงเพลิง1 ซึ่งจะสามารถเป็นได้ทั้งเวทย์มนต์ป้องกันและโจมตีในตัวเอง แต่เวทย์ธาตุประเภทนี้สามารถร่ายได้แค่รอบๆ ตัวผู้ร่าย และการที่ระดับของสกิลเพิ่มสูงขึ้นก็จะทำให้ระยะในการร่ายไกลออกไปได้
[1 ファイアウォール : Firewall]
นอกเหนือไปจากนี้ก็คือ ผู้ใช้เวทย์สามารถสร้างเวทย์มนต์เป็นของตนเองตามที่ชอบได้เลย ไม่ว่าจะใช้พื้นฐานเวทย์เดิมที่มีอยู่แล้วมาผสมเข้าด้วยกัน หรือแม้แต่สร้างขึ้นมาใหม่ทั้งหมดก็ได้
อย่างนี้นี่เอง เข้าใจล่ะー
ดูเหมือนว่า เวทย์มนต์ที่ทำการร่ายใส่เครื่องสวมใส่แล้วทำให้เครื่องสวมใส่นั้นๆ มีผลทางเวทย์มนต์แบบชั่วคราว จะเป็นเวทย์มนต์ไร้ธาตุที่พัมนาขึ้นมาจากเวทย์ธาตุสาย『โล่』ล่ะ และถึงแม้ว่าจะร่ายลงไปในเครื่องป้องกันแล้ว แต่ชื่อของตัวสกิลก็ยังคงเป็น【ดาบเวทย์มนต์1】อยู่ดี และดูเหมือนว่าทั้งการ บัฟ/ดีบัฟ2 จะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของเวทย์ไร้ธาตุด้วย ซึ่งการที่จะสามารถใช้เวทย์มนต์สายนี้ได้ จะต้องมีพรสวรรค์พอสมควรเลย
[1 魔法剣]
[2 バフ・デバフ : Buff(เพิ่มพลัง) / Debuff(ลดพลัง) ]
แล้ว【เวทย์มนต์ฟื้นฟู1】กับ【บาเรียเวทย์มนต์】ล่ะ? ก็เป็นทำนองเดียวกันนั่นแหละ และดูเหมือนว่ายังมีเวทย์มนต์พิเศษอื่นๆ อีก ที่คล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน…...【บาเรียเวทย์มนต์】น่ะ ฉันใช้งานได้ตั้งแต่ตอนที่เลียนแบบคุณลิลลี่เมื่อหนก่อนแล้ว ส่วน【เวทย์มนต์ฟื้นฟู】นั้นฉันยังไม่ได้เรียนเลยล่ะ แต่คิดว่าคงไม่เป็นไรมั้ง เพราะถ้ามีอะไรก็ใช้โพชั่นแทนได้อยู่แล้วใช่มะ? แหม ฉันก็ไม่ได้บ้าพลังอะไรขนาดนั้นหรอกนะยะ!
[1 回復魔法]
…...สรุปว่า ฉันไม่มีพรสวรรค์ในเวทย์มนต์โจมตีเลย ยิ่งไปกว่านั้น【ดาบเวทย์มนต์】ทั้งสายบัฟ และ ดีบัฟ นี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยล่ะ แต่อย่างน้อยก็ใช้เวทย์ธาตุสาย『โล่』กับ『กำแพง』 ได้อยู่นา
ไม่สิ จะเรียกว่าใช้เวทย์สายโจมตีไม่ได้เลยก็ไม่ถูก『กำแพง』ก็นับเป็นเวทย์มนต์สายโจมตีได้ ถึงจะแค่คาบเส้นก็เถอะ…...เอาเถอะ ก็ดีกว่าไม่มีล่ะนะ
อืมม พรสวรรค์ทางเวทย์มนต์ของฉันมันอ่อนด๋อยขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย? ชาวสรวงสวรรค์ก็ไม่ได้เจ๋งไปหมดทุกอย่างสิน้า…...ฟุฟุฟุ น้ำตาจิไหลง่ะ….
ใช่ว่านั่งเฟลแล้วจะทำอะไรได้ซะเมื่อไหร่ล่ะ เพราะงั้นฉันเลยมานั่งทบทวนหลายๆ ทาง ว่าจะทำอะไรกับไอ้ที่มีอยู่ได้บ้าง ความคิดเนี่ย สำคัญกับทุกอย่างจริงๆ นั่นแหละ
ยกตัวอย่างเช่น ล้อมศัตรูด้วย『กำแพงปฐพี1』กั้นเป็นคอกล้อมไว้ จากนั้นก็สร้างไฟความร้อนสูงโคตรๆเผามันซะ หรือไม่ก็ใส่น้ำเดือด 100 ° C หรืออะไรที่มีจุดเดือดสูงกว่านั้นลงไปต้มจนกว่าเจ้าพวกนั้นจะตาย ดังนั้น ต่อให้ศัตรูใส่เกราะหนาแค่ไหนก็ไร้ผล ถ้าเจอสองวิธีนี่เข้าไป ไม่ใช่ว่านี้มันเยี่ยมไปเลยหรอกเหรอ?
[1 土の壁]
แต่ว่านะ ถ้าใช้ไฟเผา พวกวัตถุดิบที่ได้จากชิ้นส่วนของสัตว์ประหลาดจะพังไปด้วย เพราะงั้นใช้น้ำเดือดต้มน่าจะได้ผลดีกว่ามั้ยนะ? แล้วก็ถ้าไม่ใช้การต้ม อาจจะทำให้พวกมันจมน้ำแทนก็ยังได้ แต่วิธีนี้มันก็กินเวลามากกว่านี่นะ อ่าา แต่เนื้อก็จะเสียจนเอาไปกินต่อไม่ได้ด้วย งึมม
“คุณเร็นเรียนรู้เร็วเกินไปแล้ว! ทำไมถึงจำอะไรได้เก่งขนาดนี้ล่ะคะ!? ”
อุฟุฟุ ชมอีกมากๆ เลยก็ได้นะรู้มั้ย?
“อืมม ถ้าเป็นปกติแล้ว หลังจากนี้ควรจะฝึกพื้นฐานไปเรื่อยๆ ก่อนใช่มั้ยนะ? ”
“พื้นฐานเหรอคะ? ”
คำว่าพื้นฐานในที่นี้ ก็คือพื้นฐานของการควบคุมพลังเวทย์มนต์น่ะ เป็นการฝึกเพื่อที่จะได้จัดการกับพลังเวทย์มนต์ที่ไหลเวียนในร่างกายให้เชี่ยวชาญ
และสำหรับการควบคุมพลังเวทย์มนต์นั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเรียนรู้สกิลที่ชื่อ【สัมผัสเวทย์มนต์】ซึ่งเป็นสกิลที่ใช้สำหรับรับรู้ถึงการไหลเวียนของเวทย์มนต์ในตัวล่ะ
หลังจากที่เรียนรู้ได้แล้ว ถัดมาก็คือสกิล【ควบคุมเวทย์มนต์】ผลของมันก็ตามตัวอักษรเลย เป็นสกิลที่ทำให้ผู้ร่ายสามารถเคลื่อนย้ายพลังเวทย์มนต์ในตัวได้ และโดยปกติแล้ว คนทั่วๆ ไปจะเรียนรู้เวทย์ธาตุทั้งหลายได้ ก็หลังจากที่ได้รับสกิลนี้แล้วน่ะ พอรู้แบบนี้ถึงได้ตระหนักว่า ลำดับในการเรียนรู้สกิลของฉันนี่เละเทะชะมัดเลย
แต่ถึงจะจดจำเทย์มนต์ได้ขนาดนี้แล้วก็เถอะ แต่ต่อไปนี้ระดับความยากก็จะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นแล้ว
【เวทย์มนต์ไหลเวียน1】เป็นสกิลที่สร้างการไหลเวียน และบีบอัดพลังเวทย์ในร่างกายเพื่อเพิ่มอัตราการใช้พลังเวทย์มนต์ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ แถมยังเพิ่มผลของเวทย์มนต์ได้อีก นอกจากนั้นผลข้างเคียงก็คือ อัตราการใช้งาน MP ที่ลดลง และเร่งให้ขอบเขตค่าสูงสุดของ MP เพิ่มได้เร็วขึ้นอีกด้วย
[1 魔力循環]
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเรียนรู้สกิลนี้ได้ล่ะก็ เจ้าสกิลที่ผลาญค่า MP เหมือนรถถังน้ำมันรั่วอย่าง【เวทย์เสริมพลัง : พลังกาย】จะมีอัตราเผาผลาญดีขึ้นด้วยล่ะ เอาซะอยากเรียนรู้เร็วๆ แล้วสิ!
และดูเหมือนว่า ถ้าหมั่นฝึกฝนตนเอง และเพิ่มระดับของ【เวทย์มนต์ไหลเวียน】จนถึงจุดหนึ่ง ก็จะได้รับสกิลที่ชื่อว่า 【ลดอัตราเผาผลาญพลังเวทย์1】กับ【เร่งอัตราฟื้นฟูพลังเวทย์2】ด้วยล่ะนะ
[1 魔力消費軽減] [2 魔力回復促進]
อื้ม นี่แหละคือสิ่งที่วัยรุ่นต้องการล่ะ! อยากได้อะไรแบบนี้มาตั้งนานแล้ว! จะได้มาช่วยทำอะไรซักอย่างกับ【เวทย์รังสรรค์】ที่เผา MP เป็นบ้าเป็นหลังนี่ซักที!
สรุปว่า เรียนรู้ทุกอย่างแล้วจริงๆ นั่นล่ะ และนี่เป็นอีกครั้ง ที่ทำให้ตระหนักได้ว่าความเป็น ชาวสรวงสวรรค์ มันขี้โกงขนาดไหน โกงจนเข้าขั้นเลวร้ายเลยล่ะ
โกงจนคุณลิลลี่สติหลุด เข้าโหมดเหม่อมองฟ้าไกลไปแล้ว
“......ง่ายเกินไปแล้ว... เรียนทั้งหมดนี่ได้ง่ายๆ …...ในขณะที่ฉัน...กว่าที่จะเรียนรู้เวทย์มนต์พวกนี้ได้ทั้งหมดนี่ ยากเย็นแสนเข็ญจนเลือดตาแทบกระเด็น…..งึมงัมงึมงัม…..”
…...อื้ม ขอโทษนะ…...
โถว ๆ ๆ สงสาร แม่ดอกลิลลี่
ReplyDeleteคุณแม่ GJ จริงๆ
ReplyDeleteบัฟแห่งเผ่าพันธุ์ สินะ
ReplyDelete