062 - เจอเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดแบบนี้ ก็ต้องคิดเยอะหน่อยล่ะค่ะ


ก็ไม่รู้สินะ แต่ดูเหมือนฉันจะเกิดใหม่ที่ต่างโลกล่ะ
よくわからないけれど異世界に転生していたようです
แปล : Ayumin3310



   นึ่งวันหลังจากประสบการณ์ครั้งแรกที่ทำเอาช๊อคเฮือกใหญ่ ตอนนี้พวกเราก็กำลังเดินทางอยู่บนถนนหลวงล่ะค่ะ จากตรงนี้ต้องใช้เวลาอีกราวๆ หนึ่งถึงสองวัน กว่าจะถึงเมืองหลวง ตามปกติแล้วการเดินทางจากหัวเมืองถึงเมืองหลวงนั้น ต้องใช้เวลาราวหนึ่งอาทิตย์ แต่ว่าด้วยความยอดเยี่ยมของรถเทียมม้า และม้าโกเลมขบวนนี้ ทำให้พวกเราเดินทางได้เร็วกว่าปกติพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็ไม่ได้ใช้ความเร็วสูงสุดหรอกนะ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ก็ไม่ได้จะรีบไปไหนซักหน่อยนี่นา

   

   เอ้อ ใช่ๆ หลังจากนั้นก็พบว่า เป็นเพราะสกิลจริงๆ นั่นแหละ ที่ทำให้ความต้านทานทางจิตใจสูงขึ้น ประสบการณ์ครั้งแรกเลยไม่กระทบจิตใจอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนกับว่าจะช่วยลดอารมณ์ด้านลบ และความตึงเครียดลงอย่างมากเลย แถมระดับของสกิลยังเป็น LV 10 อีก บางทีอาจจะลบไปโดยสมบูรณ์เลยด้วย...อืมมม ตกลงดีหรือไม่ดีกันแน่นะ?


   ตอนนี้กำลังพักทานมื้อเที่ยงกันอยู่ พวกเราจอดรถไว้ที่ข้างทาง และเอาโต๊ะกับเก้าอี้ออกมากาง เป็นมื้อเที่ยงสบายๆ ล่ะ

   เมนูวันนี้เป็นแซนวิชไข่ โดยใช้ไข่ต้มนุ่มๆ แบบที่ยังไม่สุกมากมาสับ และปรุงรสด้วยเกลือกับพริกไทย ใช้เป็นใส้แซนวิช มื้อนี้อาจจะดูไม่ได้ผ่านการปรุงอะไรพิถีพิถันมากมาย แต่การใส่มายองเนสมันยังเร็วเกินไปสำหรับสองคนนี้ ส่วนขนมปัง ที่เป็นขนมปังนุ่มๆ โดยใช้การหมักด้วยยีสต์ธรรมชาตินั้น เรียกความประหลาดใจเผยออกมาบนใบหน้างามของทั้งสองคนขณะทานออกมา...ฟุหุหุ อร่อยใช่มั้ยล่ะ? ทานเยอะๆเลยนะ มีอีกเยอะเลย! คึหึหึ


Tamago Sando : https://www.nichireifoods.co.jp/media/10421/


   อยากบอกว่าขนมปังที่กำลังทานอยู่นั่น เพิ่งอบเมื่อเช้านี้ อบด้วยเตาดินโบราณ1 ด้วยเวทย์มนต์ธาตุดินของฉันผู้นี้เองล่ะ 

[1 竈 (Kamado) : เตาดินโบราณของญี่ปุ่น]



Kamado : https://en.wikipedia.org/wiki/Kamado


      “คุณเร็นมีสูตรอาหารเยอะขนาดไหนกันคะเนี่ย? นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่เคยได้กินขนมปังแบบนี้! ”


      “ว่าแต่นี่มันใช่ขนมปังแน่เหรอเนี่ย~!? เพิ่งเคยได้กินขนมปังที่นุ่มขนาดนี้เป็นครั้งแรก~! ”


   ฟุหุหุ ช่วงชิงประสบการณ์ครั้งแรกของคุณลิลลี่มาได้สองรอบแล้วสินะ…..! เอ่อ...หมายถึงว่า ช่วยกันเผยแพร่แซนวิชไข่ให้มันกว้างขวางออกไปให้มากกว่านี้หน่อยสิคะ บรรดาผู้กลับชาติมาเกิดทั้งหลาย มันไม่ได้ทำยากอะไรเลยนะ


      “ยังมีสูตรอาหารอีกเยอะเลยล่ะค่ะ ขนมปังที่ทานอยู่นี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น นุ่มฟูอร่อยดีใช่มั้ยล่ะ ? ”


      “อร่อยมากเลย~ ตอนนี้มีความสุขมากจนเหมือนจะมีแสงออกมาจากปากละเนี่ย~ ”


      “ทำไมคุณเร็นไม่ลองไปเป็นคนครัวปรุงอาหารดูล่ะคะ? ”


      “ให้ทำเป็นสัมมาชีพมันออกจะลำบากไปหน่อยนะ…...ทำอาหารเนี่ย เป็นแค่งานอดิเรกฆ่าเวลาก็พอแล้วล่ะ”


      “......นี่ฆ่าเวลาแน่เหรอเนี่ย?”


      “นี่มันเกินกว่าความเป็นงานอดิเรกไปไกลแล้วนา~......”


   จะว่าไงดีล่ะ? ก็นะ คงเพราะว่าสกิล【การครัว】มันชนระดับ 10 ไปแล้วน่ะสิ


      “อาา จะว่าไปแล้ว คุณลิลลี่คะ พอแนะนำโรงแรมในเมืองหลวงให้หน่อยได้มั้ยคะ? ฉันอยากให้โนรุนกับเบลพักได้ แล้วก็อยากอาบน้ำสบายๆ น่ะค่ะ”


      “เอ๋? ตั้งใจจะพักโรงแรมเหรอคะ? ”


      “เอะ? ก็ ตั้งใจว่าแบบนั้นนะ”


      “ไหงงั้นล่ะ กะจะชวนไปพักที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ในเมืองหลวงอยู่เลยค่ะ! มาพักที่บ้านฉันเถอะนะ! ”


      “เหหหห? นั่นมันจะรบกวนเกินไปหน่อยมั้ยคะ”


      “ไม่เลยค่ะ ไม่รบกวนเลยซักนิด พวกเราต่างหากที่รบกวนตั้งหลายๆ เรื่อง แล้วไหนจะยังของกินอร่อยๆ อีกเพราะงั้นยินดีมากเลยล่ะค่ะ! แล้วฉันยังสัญญาว่าจะสอนเวทย์มนต์ให้ด้วย! แล้วก็พวกตำราเวทย์มนต์น่ะ เก็บอยู่ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ เพราะงั้นถ้าไปอยู่ที่นั่น จะได้มีเวลาฝึกเวทย์มนต์ได้ตามที่ต้องการเลยล่ะ! เพราะงั้นมาเถอะนะคะ! ”


   หวา กดดันกันขนาดนี้…...แต่ว่านะ อืมม


      “เอ่อ...งั้น ขอรับคำเชิญละกันนะ? ”


      “ยินดีค่ะ! ให้ดิฉันได้ดูแลด้วยนะคะ! ”


   ก็นะ เล่นป้อนของกินไปตั้งหลายๆ อย่าง เพราะงั้นไปรบกวนอาศัยอยู่ด้วยซักพักคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง? 


      “เดี๋ยวสิลิลลี่ ไม่ขี้โกงไปหน่อยเหรอ~? ”


      “ใครเร็วใครได้สิอาริสะ ใช่มะ? ”


      “มุงือ~”


   แล้วทำไมอยู่ๆ มาแย่งตัวฉันกันเนี่ย…...?


      “จะว่าไปแล้ว คุณเร็นมีแผนในเมืองหลวงว่ายังไงบ้างเหรอคะ หลังจากที่ตระเวณซื้อของจนครบแล้วน่ะนะ? ”


      “นั่นสินะคะ…...หลักๆเลยก็แค่หาซื้อเครื่องปรุงมาตุน แล้วก็เรียนเวย์มนต์หลายๆ อย่างกับคุณลิลลี่ แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้คิดไว้เลยล่ะค่ะ…...”


   เป้าหมายที่ว่าจะวิ่งหาตำราเวทย์มนต์ก็หายไปหนึ่งล่ะ เพราะว่าคุณลิลลี่จะสอนเวทย์มนต์ให้เองกับตัว ซึ่งต้องขอบคุณจริงๆ เพราะว่านั่นช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายได้มากเลย 

   พูดถึงเวทย์มนต์แล้ว เจ้า【บาเรียเวทย์มนต์】ที่วันก่อนคุณลิลลี่ใช้นั้น ฉันเอามาลองร่ายเอาเองอยู่หลายหน ปรากฏว่าร่ายได้ ซึ่งชื่อสกิลก็โผล่เข้ามาในรายชื่อสกิลรวมด้วย เพราะงั้นจากนี้ก็ต้องหมั่นฝึกเพื่อเพิ่มระดับของสกิลแล้วล่ะ

   ส่วน【เล่นแร่แปรธาตุ】นั้น ดูเหมือนว่าโดยปกติแล้วไม่มีหนังสือที่สอนขายกันโต้งๆ ตามท้องตลาด จากที่คุณลิลลี่บอกมาก็คือ ถ้าอยากเรียนรู้สกิลนี้จริงๆ ต้องหาใครสักคนมาสอนให้เท่านั้น 

   แต่เห็นว่า มีตำราสอนสกิล【ทักษะการผสม】กับ【ทักษะการสร้างอุปกรณ์เวทย์】วางขายอยู่ที่กิลด์นักเล่นแร่แปรธาตุล่ะ แต่ก็จะขายให้แต่กับคนที่มีสกิล【เล่นแร่แปรธาตุ】แล้วเท่านั้น แต่ว่าก็ว่าเถอะ ต่อให้มีสกิลแล้ว แต่ถ้าไม่ใช่สมาชิกของกิลด์ ก็คงไม่น่าจะซื้อได้ง่ายๆ อยู่ดี  

   ดังเหตุผลที่ว่าไป เรื่องสกิลสาย【เล่นแร่แปรธาตุ】ก็คงต้องรอต่อไปยาวๆ เลยสินะ...เสียตัยอ่ะ


   พอเรื่องมันเป็นแบบนี้ ก็เหลือแต่สกิลสาย【งานตีอาวุธ】ให้ฝึกแล้วสินะ……


      “......พอจะหาโรงตีเหล็กให้เช่าได้มั้ยคะ? ”


      “โรงตีเหล็ก...เหรอคะ? ”


      “ใช่แล้ว อยากฝึกฝนเพิ่มทักษะให้กับสกิล【งานตีอาวุธ】น่ะค่ะ”


      “เอ๋? คุณเร็นมีสกิล【งานตีอาวุธ】ด้วยเหรอ? หรือว่าตีดาบได้ด้วยเหรอคะเนี่ย? ”

      “ใช่แล้วล่ะ ดาบเล่มที่เหน็บเอวอยู่นี่ก็ใช่นะ มีอะไรอีกหลายอย่างที่อยากให้ลองสร้างเต็มไปหมดเลย เพราะงั้นเลยอยากเพิ่มทักษะสกิล【งานตีอาวุธ】ไงล่ะ เพราะงั้นถ้ามีที่ไหนพอรู้จัก ก็รบกวนบอกด้วยนะคะ”


      “......ถ้าแบบนั้นล่ะก็ ฉันว่าฉันพอจะให้อาจารย์ช่วยหาให้ก็ได้นะ~ ”


      “คุณอาริสะ? 


      “อ่ะ นั่นสินะ ก็ครอบครัวของอาริสะน่ะ…...”


      “ครอบครัวของคุณอาริสะ? ทำไมเหรอคะ? ”


      “บ้านของฉันเป็นตระกูลนักดาบมาหลายชั่วอายุคนแล้วน่ะ~ เพราะงั้นเลยมีช่างตีดาบที่สนิทกันอยู่ ถ้าไปถามหาจากอาจารย์ ก็น่าจะพอหาได้นะ~”


   อย่างนี้นี่เองー


      “แล้ว อยากจะเช่านานแค่ไหนล่ะ~? เดาว่าน่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายด้วยนะ เรื่องนั้นไม่มีปัญหาใช่มั้ยคะ~? ”


      “ฉันคิดว่าเงินที่มีอยู่ น่าจะพอนะคะ แต่ถ้ามันไม่พอขึ้นมา ฉันจะพยายามหาเก็บสมุนไพรเอาส่งไปที่กิลด์ก็น่าจะพอกล้อมแกล้มไปได้ ส่วนเรื่องระยะเวลา ฉันอยากจะเช่าอย่างน้อยก็ราวๆ ครึ่งปีค่ะ ”


      “ครึ่งปี!? ”


   เป้าหมายก็คือ ทำให้สกิลขึ้นไปถึงระดับ 10 ล่ะ ถ้าตั้งใจฝึกฝนจริงๆ ครึ่งปีน่าจะถึงเป้าได้ แต่ถ้าพ้นครึ่งปีไปแล้วยังไม่สำเร็จ ก็อาจจะต้องก้มหัว ขอยืดเวลาเช่าออกไปอีก


      “เอ่อ คำขอแบบนี้คงจะไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ? ”


      “ไว้ใจได้เลยค่า~! ขอของตอบแทนเป็นกินของอร่อยๆ ก็ละกัน โอเคน้า~? ”


   หมายความว่าแค่ให้ป้อนของกินให้เรื่อยๆ ก็พอสินะ……?


      “แล้ว คุณเร็นเล็งเป้าจะตีดาบแบบไหนไว้คะ? ดาบเวทย์มนต์? ดาบธาตุ? แต่เห็นตะกี้ถามเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุด้วย หรือว่าเล็งดาบที่ผนึกพลังเวทย์มนต์ลงไปเหรอคะ? ”


   ดาบเวทย์มนต์? ดาบธาตุ? อะไรเป็นอะไรบ้างล่ะนั่น? เครื่องหมายคำถามตัวเป้งๆ ผุดขึ้นบนหน้า หลังจากที่ได้ยินคำถามที่คุณอาริสะยิงมา  


   ดาบเวทย์มนต์ เป็นดาบที่พนึกพลังเวทย์มนต์ไร้ธาตุลงในตัวดาบ ซึ่งดูเหมือนว่าการทำแบบนี้จะทำให้ตัวดาบแข็งและทนทานกว่าดาบทั่วไป เพิ่มเติมก็คือ ในเมื่อตัวดาบฉาบไปด้วยพลังเวทย์มนต์ ทำให้ดาบนี่สามารถใช้ต่อสู้กับภูติผีและพวกอันเดธทั้งหลายได้ด้วย และเพราะการที่มันไร้ธาตุ ทำให้ดาบนี้สามารถใช้งานได้กว้างขวางมาก 


   ดาบธาตุ เป็นดาบที่มีการผนึกเวทย์มนต์ธาตุต่างๆลงไปตามชื่อ ในเมื่อแต่ละธาตุก็มีความโดดเด่นของตัวเอง การใช้งานตัวดาบจึงมีเรื่องของสมดุลธาตุ ได้เปรียบ-เสียเปรียบเข้ามาเกี่ยวข้อง 


   ทั้งดาบเวทย์มนต์และ ดาบธาตุ ถ้าเป็นระดับสูงจะสามารถปลดปล่อยพลังเวทย์ที่สะสมอยู่ในดาบออกมาได้ ทั้งเสริมพลังโจมตีให้กับผู้ใช้หรือ เวทย์อื่นๆ ส่วนพลังเวทย์ที่ดาบปลดปล่อยออกมาแล้ว เมื่อทิ้งไว้ ตัวดาบจะค่อยๆ ฟื้นพลังขึ้นมาใหม่โดยไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน ส่วนระยะเวลาที่ดาบจะฟื้นพลังนั้นก็จะแตกต่างกันไป 


   ดาบเวทย์มนต์ และดาบธาตุนั้น จะแบ่งพลังที่ปลดปล่อยออกมาจากดาบได้สองชนิด คือพลังที่มีผลเหมือนสกิลเสริมพลังทั้งหลาย กับพลังเวทย์ธาตุที่ถูกผนึกอยู่ที่ตัวดาบ พวกที่มีผลเหมือนสกิลเสริมพลังก็อย่างเช่น [เสริมพลังโจมตี1] หรือ [เสริมพลังป้องกัน2] และในบางที อาจจะได้เจออาวุธสามารถปลดปล่อยสกิลเสริมพลังหายากอย่าง [โชคลาภ3] ก็ได้ ส่วนที่ทำให้ดาบทั้งสองต่างกันก็คือ ดาบเวทย์มนต์นั้น จะปลดปล่อยสกิลเสริมพลังได้เพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่มีผลของพลังเวทย์ธาตุล่ะ
[1攻撃力強化], [2耐久力強化], [3幸運]


   ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธแต่ละประเภท ยังมีสกิลที่เป็น ท่าไม้ตายเฉพาะ ตามแต่ชนิดอาวุธนั้นๆ อีกด้วย พวก จูนิเบียว1 น่าจะชอบอะไรแบบนี้สินะ?
[1 ต้นฉบับใช้คำว่า 厨二心 แต่แปลว่า จูนิเบียว(โรคเด็กม.สอง)น่าจะเข้ากว่า จูนิเบียวคือพวกเด็กที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ โดยที่ยังสลัดนิสัยแบบเด็กๆ ออกไปไม่ได้ ความคิดอย่างพวก ตัวข้าเก่ง ตัวข้าทำได้ทุกอย่างบนโลกหล้าทั้งหลาย ข้าพิเศษกว่าใคร ยังเด่นชัดอยู่ค่ะ]

   และดูเหมือนว่า กุญแจสำคัญสำหรับการจะสร้างดาบเวทย์มนต์ก็คือ【เล่นแร่แปรธาตุ】ล่ะ 【เล่นแร่แปรธาตุ】อีกแล้ว…..! แล้วก็เป้าหมายของบรรดานักดาบทั้งหลายบนโลกนี้ ก็คือการได้ดาบเวทย์มนต์มาครอบครองด้วยล่ะ งืมมม


      “ถ้าหาดาบเวทย์มนต์มาครอบครองได้~ ก็เรียกตัวเองว่านักดาบเวทย์มนต์ได้ด้วยล่ะ~! ”


      “ไม่ฟังดูมักง่ายแปลกๆ ไปหน่อยเหรอคะ ”


      “ใช่ม๊า~ จริงๆ มันมีอีกตั้งหลายประเภท ทั้งดาบเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งดาบเวทย์ต้องสาป ไปเรียกเหมาว่านักดาบเวทย์มนต์เลยก็ไม่น่าถูกเท่าไหร่เนอะ~? ”


   โฮะโฮ่ ยังมีอะไรแบบนั้นอีกงั้นเหรอ


   ดาบเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสุดยอดอาวุธที่ถูกมอบให้โดยเทพเจ้า มีพลังศักดิ์สิทธิ์ผนึกอยู่ ถูกจัดเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ตรงตามชื่อ แถมพลังพิเศษที่แฝงมายังสูงกว่าดาบชนิดอื่นๆ ลำพังเฉพาะความที่เป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์นั้น ก็ได้เปรียบทุกธาตุอยู่แล้ว จะมียกเว้นก็แต่อาวุธไร้ธาตุเท่านั้น ฉะนั้นแล้ว เพียงแค่เป็นดาบเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ถือว่าเป็นอาวุธทรงพลังเสียจนถูกจารึกชื่อว่าเป็นอาวุธในตำนานได้แล้ว ซึ่งมันน่าตลกตรงนี้แหละ

   แล้วก็ เหมือนจะมีพงศาวดาร บอกเล่าเรื่องราวตรงนี้นิด ตรงนั้นหน่อยว่า ในสมัยโบราณมีช่างมีเหล็กผู้เก่งกาจสามารถตีดาบเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ด้วย


   ส่วน ดาบเวทย์ต้องสาป เป็นดาบมารที่ถูกมอบให้โดยเทพมารแห่งความมืด...หรืออะไรอย่างนั้นล่ะมั้ง? ถูกจัดเป็นอาวุธธาตุความมืด ส่วนคุณสมบัติทุกอย่างก็เหมือนดาบเวทย์ศักดิ์สิทธิ์เลย อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าดาบเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ และดาบเวทย์ต้องสาปนั้น จะเป็นจุดอ่อนของกันและกัน ซึ่งถ้าดาบทั้งสองประเภทต้องมาประทะกัน ดาบที่แรงค์สูงกว่าก็ชนะไป...ล่ะมั้ง


   สุดท้ายก็คือ ดาบเทพเจ้า เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าอยู่ในนิทานปรัมปรา หรือตำนานต่างๆ และดูเหมือนว่าจะไม่มีรายละเอียดอะไรใดๆ แต่สิ่งที่ทุกที่บอกตรงกันก็คือดาบที่สามารถฉีกทุกสิ่งให้ขาดออกจากกันได้ อะไรอย่างงั้นล่ะมั้ง?


   แต่ก็สงสัยอยู่อย่างนะ

   เจ้าดาบเทพเจ้าเนี่ยไม่มั่นใจเท่าไหร่ แต่ถ้าแค่ดาบเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ กับดาบเวทย์ต้องสาปเนี่ย ฟังรายละเอียดของเจ้าดาบทั้งสองอย่างนี้ จากเรื่องเล่าทั้งหลายแล้ว ฉันน่าจะใช้ 【เวทย์รังสรรค์】สร้างขึ้นมาได้ไม่ใช่รึ พอคิดแบบนั้นแล้วก็รู้สึกแอบขอบคุณคุณอาริสะในใจที่เล่าเรื่องพวกนี้ให้ฟังเลยล่ะ


   อื้มม ก่อนอื่นก็ต้องดาบเวทย์มนต์ธรรมดาเป็นเป้าหมายแรก งั้นมาพยายามให้เต็มที่กันเถอะ





TL note : มาช้าแต่ยังดีกว่าไม่มาน้า :3



Comments

  1. <3 สาระมาเต็ม เม้าท์มอยโม้ซะหมดเปลือก
    อะไรนะ? รังสรรค์ ดาบ นี่มันโกงชัดๆ เลเวลเท่าไหร่แล้วนะได้เวลาหาเรื่องอัพเวลแล้ว <3

    ReplyDelete
  2. ดาบเทพน่าจะตัดออกไปก่อนได้เลย MP ไม่พอทำแน่ๆ


    แต่อันอื่นๆน่าจะมีลุ้น

    ReplyDelete
  3. จูนิเบียว คนเริ่มพูดคือคุณ อิจูอิน ฮิคารุ ที่เขาตั้งขึ้นมาเองและใช้เป็นคำพูดกึ่งแซวนิดๆพวกพฤติกรรมแปลกๆที่มีความหมายกว้างกว่าปัจจุบัน เช่น ผู้ใหญ่นิสัยเด็ก เด็กไม่รู้จักโต พวกหมกมุ่นระดับหนึ่งที่ไม่หนักไป เป็นต้น
    - แต่สภาพสังคมญี่ปุ่นที่บางทีเราเห็นข่าวว่าชอบดูถูกพวกที่ทำตัวแปลกแยกทั้งที่การที่คนส่วนใหญ่ทำเรื่องมาจรฐานเดียวกัน หรือปัญหาสังคมในเวลานั้น สื่อและคนเอามาใช้ผิดๆ และน่าจะเป็นช่วงที่มีประเด็นเด็กมีปัญหา ทั้งมังงะและนิยายก็เอามาใช้ผิดๆต่อจนแพร่หลาย สุดท้ายเป็นคำปรามาสเด็กกลุ่มหนึ่งไป คุณอิจูอินเลยตัดขาดไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับคำนี้อีก

    ReplyDelete

Post a Comment