060 - Food Fight!
และแล้ว พวกเราก็มายืนอยู่หน้าร้านอาหารชั้นหรูล่ะค่ะ
แม้ว่าอาจจะเร็วไปสักหน่อยสำหรับมื้อเย็น ตอนนี้น่าจะราวๆ หกโมงเย็นล่ะมั้ง? แต่ถ้าเป็นเวลานี้ก็น่าจะหลบฝูงชนที่จะมาช่วงมื้อเย็นพอดีได้บ้าง
เข้าใจจริงนะสองคนนี้ คำนึงเรื่องเล็กน้อยพวกนี้เอาไว้พร้อมเลยสินะ เป็นเด็กดีจริงๆ นะ ทั้งคุณลิลลี่ทั้งคุณอาริสะเลย1
[1 เร็นเพิ่งอายุ 11…..]
เพิ่มเติมคือ โนรุนกับเบลอยู่เฝ้าบ้านล่ะ ขอโทษนะ…...รู้แหละว่าขอโทษไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่อย่างน้อยฉันก็เตรียมมื้อเย็นให้สองแม่ลูกไว้นะ เป็นเนื้อแมดบูลล่ะ ฉันเอาเนื้อนั่นมาย่างกับซอสยากินิกุ1 ที่ผสมเอง ทำไปก็พูดไม่ออกไป เพราะว่าระหว่างที่ย่างเนื้ออยู่ ก็โดนสายตามองแรงจากทั้งคุณลิลลี่และคุณอาริสะจ้องเอาๆ
[1 焼肉(ยากินิกุ) : แปลตรงๆ ตัวว่า “เนื้อย่าง” ค่ะ ตัวซอสจะหวานเค็มหอม กลมกล่อม ส่วนผสมหลักจะเป็นโชวยุ มิโสะ กระเทียม ขิง งา สาเก ฯลฯ]
พวกเราเดินทางมาร้านอาหารด้วยการเดินก็จริง แต่ก็ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีเท่านั้น ด้วยระยะทางที่ค่อนข้างใกล้กับโรงแรม ขณะที่เข้ามา คุณลิลลี่ก็พาพวกเราเข้ามาในห้องที่จัดเตรียมไว้ให้นั่งรออยู่ครู่หนึ่ง ขณะเดียวกันนั้น คุณลิลลี่ก็กำลังพูดคุยอะไรหลายๆ อย่างกับพนักงานเสิร์ฟ เดาว่าคงกำลังสั่งอาหารอยู่กระมัง? ก็นะ สำหรับฉันแล้วจะยังไงก็ได้ ก็ในเมื่อมาในฐานะคนถูกเลี้ยง กอปรกับเพิ่งมาที่แบบนี้เป็นครั้งแรกด้วย เพราะงั้นตอนเลยรู้สึกไม่คุ้นแบบสุดๆ เลยล่ะ……
หลังจากนั้นอีกครู่หนึ่ง พวกเราก็ถูกพาเข้าไปในห้องโถงกว้าง ที่มีโต๊ะเรียงรายกันอยู่ค่อนข้างชิด แต่ไม่ชิดกันจนเกินไป ยังพอมีพื้นที่อยู่ คงเพราะชั้นนี้ป็นพื้นที่ส่วนสามัญชน แล้วก็ชั้นนี้ไม่มีห้องส่วนตัวอยู่เลย อาจจะเพราะเป็นโซนสำหรับสามัญชนล่ะมั้ง? แต่ถึงกระนั้นสำหรับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว โดยรวมนี่ก็ยังดูหรูหราหมาเห่าอยู่ดี และดูเหมือนว่าแต่ละโซนก็จะถูกจัดแบ่งไปตามระดับของคอร์สอาหารที่เลือกเอาไว้ล่ะ
อนึ่ง คุณลิลลี่เล่าให้ฟังขณะที่กำลังเดินไปที่โต๊ะว่า ชั้นที่เป็นพื้นที่ของชนชั้นสูงนั้น อยู่ไกลออกไปทางด้านหลัง มีห้องส่วนตัวให้ด้วยล่ะ อย่างนี้นี่เอง
ขณะที่พวกเรากำลังถูกพามาที่โต๊ะ ดึงที่นั่งออกมา และกำลังจะหย่อนก้นนั่งลงไป นั่นเองก็มีเรื่องขลุกขลักเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าการที่ฉันสวมผ้าคลุมเอาไว้เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะทำ
ตอนแรกก็คิดว่าใส่ผ้าคลุมเข้ามาได้ซะอีก? พอถามไป ก็ได้คำตอบกลับมาว่า เมื่อก่อนก็ได้อยู่หรอก แต่เพราะเกิดกรณีพิพาทกับนักผจญภัยที่แต่งตัวไม่ดูกาลเทศะแล้วใช้ผ้าคลุมปิดตัวเข้ามาในร้านน่ะสิ ช่างเหมาะเจาะซะจริงเชียว
มาถึงขนาดนี้แล้วจะดื้อแพ่ง กลับออกจากร้านไปโดยยังไม่ได้ทานอะไรเลยก็แลดูไม่ใช่เรื่อง ฉันเลยยอมแพ้ แล้วจำใจเลิกฮู้ด ถอดผ้าคลุมออก
“ขอโทษนะคะ…..ฉันไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น…...”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อย่าคิดมากเลยนะ”
แอบรู้สึกผิดเบาๆ กับคุณลิลลี่ที่โทษว่าเป็นความผิดตัวเองเลยแฮะ เพราะงั้นไม่ต้องคิดมากจริงๆ นะ ตกลงนะ?
ตอนที่ฉันยอมแพ้แล้วถอดผ้าคลุมส่งให้กับพนักงานอยู่นั่นเอง สายตาจากผู้คนรอบๆ ข้างก็ส่องมองมา ฉันกลายเป็นจุดสนใจทันที อึดอัดชะมัดเลย แม้แต่พนักงานเสิร์ฟก็พลอยตกใจตาโตไปด้วย งืมมมมมมม
แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่มีทางเลือก นอกจากเมินมันไปซะ เมินไปให้หมดทุกอย่าง ทุกผู้ ทุกคนนั่นแหละ!
หลังจากที่รวบรวมสติสตังได้ พวกเราก็นั่งพูดคุยกันอีกเล็กน้อย ไม่นานอาหารก็ถูกยกออกมาเสิร์ฟในท้ายที่สุด เอาซะใจเจ้นตึกตักเลยอ้ะー!
อาหารทุกจานถูกยกออกมาเสิร์ฟพร้อมกันในคราวเดียว ดูไม่เหมือนอาหารแบบคอร์สที่โลกโน้นเลย
จากที่คุณลิลลี่อธิบายฟังว่าก็คือ แม้กลุ่มลูกค้าในร้านนี้จะเป็นผู้มีอันจะกินก็เถอะ แต่ส่วนมากก็ยังเป็นสามัญชนอยู่ดี ซึ่งน้อยคนนักจะรู้มารยาทบนโต๊ะอาหาร ทำให้มีเสียงบ่นร้องเรียน บ้างก็สับสนกับมารยาทที่ว่า ทางร้านจึงแก้ปัญหาโดยการเสิร์ฟทุกอย่างพร้อมกัน ไม่นำมาเสิร์ฟทีละจานแบบคอร์สเมนูปกติ
ซึ่งนอกจากกลุ่มลูกค้าสามัญชนที่มีเงินแล้ว ยังรวมไปถึงบรรดานักผจญภัยแรงค์สูงๆ อีก ซึ่งเป็นการยากที่จะบังคับให้ทุกคนทำตามมารยาทบนโต๊ะอาหารได้
อืมม แต่นั่นอาจจะต่างออกไป หากกลุ่มลูกค้ามีแต่บรรดาพ่อค้าใหญ่ที่ต้องมีการติดต่อค้าขายกับพวกชนชั้นสูง ……..พอเริ่มสงสัยว่าถ้าเป็นกรณีนั้น ทางร้านจะรับมือยังไง?
พอยกเรื่องนี้ขึ้นมาถามคุณลิลลี่ ก็ได้คำตอบกลับมาว่า ถ้าเป็นลูกค้าแนวนั้นก็มักที่จะจองห้องส่วนตัวไปเลย อย่างนี้นี่เอง เข้าใจล่ะ
ตอนนี้คงต้องเอาเรื่องอื่นไว้ทีหลัง เพราะว่านี่ได้เวลาทานแล้วน่ะสิ
อาหารที่เรียงรายอยู่ตอนนี้มี สลัด ซุป และอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนไก่ทอดคาราอาเกะ1 ที่มุมนึงของโต๊ะ มีขนมปังวางรออยู่ในตะกร้า และจากที่เห็น ขนมปังขาวเหรอน่ะ? หลังจากระลึกความทรงจำได้ นี่เป็นหนแรกเลยนะ ที่ได้เห็นขนมปังขาว
[1 唐揚げ(Karaage) : ไก่ทอดคาราอาเกะ เป็นเนื้อไก่ปรุงรสคลุกกับแป้งสาลีทอด เสิร์ฟกับเลม่อนหั่น เวลาทานให้จิ้มเกลือผสมกับผงกระเทียม บางร้านก็จะเป็นซอสมะเขือเทศ ฮะจิบังราเมงมีขายค่ะ]
Karaage : https://oceans-nadia.com/user/230316/recipe/385287
ดูเหมือนว่าอาหารจานหลักที่เป็นเนื้อ อีกประเดี๋ยวจะถูกยกออกมาทีหลัง แล้วตามหลักก็คงจบด้วยของหวานด้วยสินะ? อืมม นี่เริ่มไม่มั่นใจแล้ว ว่าถ้าทานหมดนี่แล้วจะมีที่เหลือไว้เติมของหวานลงท้องได้มั้ย? ก็ปริมาณอาหารต่อจานมันเยอะมากขนาดนี้ ตอนนี้รู้สึกซับซ้อนจนพูดไม่ออกล่ะ…….
ถึงจะนั่งกำลังกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่องมากมาย แต่ฉันก็ตัดสินใจเริ่มทานโดยไม่คิดอะไรอีก มองลงไปตรงหน้าก็พบช้อนส้อม และบรรดาอุปกรณ์ในการรับประทานเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ในเมื่อการจัดเรียงแบบนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับรูปแบบการทานอาหารแบบคอร์สในชาติที่แล้ว ก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไร ถ้าจะอนุมานเอาว่าใช้หลักการเดียวกันโดยการใช้อุปกรณ์ไล่เรียง1 ไปทีละชิ้นตามจานที่มาเสิร์ฟใช่มั้ยล่ะ? ก็ในเมื่อมีคนบ่นถึงลำดับการเสิร์ฟแบบนี้ ทำให้วิธีการใช้อุปกรณ์เรียงไปอย่างที่ว่าไปใช้ไม่ได้ เพราะอาหารทั้งหมดถูกยกออกมาเสิร์ฟพร้อมกันหมด ซึ่งมันตลกอ่ะ งั้นจะเรียงอุปกรณ์การทานไว้แบบเดิมเพื่ออะไรหนอ
[1 ตัวอย่างตามรูปเลยค่ะ นี่เป็นแบบกลางๆ นะคะ มันมีแบบที่อลังการกว่านี้อีกช้อน-ส้อมเรียงเพียบ แต่หาไม่เจอ]
ขณะที่หันไปมองโต๊ะอื่นที่อยู่รอบๆ ก็พบว่ามีหลายคนเลยที่ใช้ช้อนส้อมแค่คู่เดียวในการทานอาหารบนโต๊ะ ขณะที่ฉันเอียงหัวน้อยๆ ด้วยความสับสน พนักงานเสิร์ฟก็เดินเข้ามาบอกว่าไม่ต้องทำตามมารยาทบนโต๊ะแบบทางการก็ได้ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะนะ ฉันก็ยังอยากรู้อยู่ดี ว่าอุปกรณ์ชิ้นไหน ใช้กับอาหารจานไหน ก็เพราะว่าไม่รู้นี่แหละ เลยกำลังพยายามหาคำตอบอยู่นี่ไง
แล้วก็นะ การปล่อยวางในสิ่งที่อยากรู้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะ เพราะงั้นจะดีมากถ้าสอนมาตรงๆ เลย ไม่ใช่อะไรหรอกนะ มันกระทบศักดิ์ศรีน่ะ ในเมื่อจะทำอะไรแล้วก็อยากให้มันถูกต้องงดงามน่ะสิ
เพราะต่อให้มารยาททั้งหมดของโลกนี้ไม่เป๊ะ แต่อย่างน้อยถ้าใช้เครื่องไม้เครื่องมือในการทานอาหารได้ถูก ก็ยังถูกมองใกล้เคียงเหมือนชนชั้นสูงบ้างก็ยังดี! แหม อะไรแบบนั้นน่ะ
แล้วก็นะ ร้านดินเนอร์หรูหราแบบนี้ใช่ว่าจะได้มาบ่อยๆ ซักหน่อย ปีละหนในวันครบรอบต่างๆ อะไรงี้ …...ฉันเข้าใจความรู้สึกทุกคนดีเลยแหละ ความรู้สึกมีระดับแบบนี้ก็สำคัญนะรู้มั้ย~
เอาล่ะ ถึงแม้อาหารเกือบทุกอย่างวางเรียงบนโต๊ะเรียบร้อยอย่างที่ว่าไป แต่ถ้าอิงตามมารยาทบนโต๊ะที่ถูกต้อง ฉันควรจะทานทุกอย่างเรียงตามลำดับของคอร์สเมนูใช่มั้ย? อย่างเช่น จิบน้ำก่อน แล้วก็เริ่มรองท้องด้วยสลัดเป็นจานแรก
จานสลัดเป็นผักอะไรซักอย่างที่คล้ายผักกาดแก้ว พรมด้วยซอส ฉันใช้ส้อมจิ้มผักขึ้นมา ป้อนเข้าปากแล้วละเลียดเคี้ยว กรุบกรุบ อ่าา ผักกาดแก้วจริงๆ
หืมม...แต่ซอสอันนี้ เป็นน้ำเกรวี่1 ? เดาว่าน่าจะใช้น้ำซุปเนื้อวัวเป็นของเหลวหลักที่ใช้ในซอสใช่มั้ยนะ? ที่สำคัญก็คือปริมาณน้ำมันที่เจืออยู่ในนี้ ใส่ได้ระมัดระวังมาก พอดีกับที่จะช่วยให้ทานได้ง่ายเลยแฮะ
แม้ว่าออกจะหนักเกินไปสำหรับ อาหารรองท้อง ไปนิด แต่ถึงแบบนั้นโดยรวมก็นับว่าใช้ได้เลย อื้มม
ว่าไปแล้ว จานหลักควรจะถูกนำมาเสิร์ฟหลังจากนี้ใช่มั้ยนะ? เสิร์ฟไวน์แดง ทั้งที่จานหลักน่าจะเป็นเนื้อวัวตุ๋นไวน์แดง1 เนี่ยนะ? รสชาติมันจะขัดกันเองมั้ยหว่า?
[1 牛肉のワイン煮辺り : ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าอะไรดี สเต็ค? สตูว? เพราะ 牛肉 = เนื้อวัว, ワイン = ไวน์, 煮辺り = จี่ในกระทะ,ตุ๋น]
พอเรียกพนักงานเสิร์ฟมาเพื่อถามเกี่ยวกับจานหลัก คุณพนักงานประหลาดใจที่ฉันเดาถูก หลักจากอธิบายเหตุผลเรื่องซอสของน้ำสลัด ฉันก็ถูกส่งสายตามองกลับมาอย่างอึ้งๆ เหอ? ถ้าจะรู้เพราะเหตุนั้น มันก็ไม่น่าแปลกไม่ใช่เหรอไง? เอ๋? หรือว่าปกติแล้วไม่มีใครเค้าเดาออกกันนะ? แต่ถึงจะแบบนั้นก็เหอะนะ…...
หลังจากที่ฉันทานสลัดเสร็จ ก็ต่อด้วยซุปที่อุดมไปด้วยเครื่องปรุง แต่ว่านะ ความใสของซุปนี่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการช้อนฟองออกได้ดี พอจิบช้อนแรกเข้าปากไป ฮื้มม คอนซอมเม่1 ดีๆ นี่เอง ถึงจะเรียกว่าคอนซอมเม่แท้ๆ ได้ไม่เต็มปาก แต่เครื่องที่ใส่ลงไปนี่ใช่เลย ว่าแต่ ใช้ช้อนตักซุปนี่ ไม่สะดวกจริงๆ2 นั่นล่ะ แต่ถ้าไม่คิดเรื่องพวกนี้ โดยรวมออกมาอร่อยดีทีเดียวเลย
[1 Consommé : ซุปใสแบบฝรั่งค่ะ ใส่เครื่องปรุงลงไปตุ๋นในน้ำซุป แล้วกรองเครื่องออกทั้งหมด เสิร์ฟเฉพาะตัวน้ำซุป]
[2 อาจจะเพราะด้วยความเป็นคนญี่ปุ่นในชาติก่อนของเร็น เลยถนัดกับการกินซุปด้วยการยกชามขึ้นมาซด พอให้ใช้ช้อนตักอาหารเหลวจำพวกซุปใสเลยไม่ถนัด? ]
“ดูเหมือนคุณเร็นจะชอบนะคะ”
“ดูออกเลยเหรอคะ? ”
“ค่ะ ดูมีความสุขเลยแหละ”
ดูเหมือนว่าฉันจะควบคุมกล้ามเนื้อแก้มบนหน้าไม่ได้ เผลอยิ้มออกมาแบบไม่รู้ตัว ซึ่งมันชวนให้แอบเขิลนิดๆ ล่ะ แต่การได้ทานอาหารอร่อยๆ นี่มันดีงามจริงๆ นะ เพราะงั้นการที่จะเผลอยิ้มออกไปก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ซึ่งฉันก็บรรยายความรู้สึกนั้นออกไปให้เพื่อนร่วมโต๊ะทั้งสองฟังตรงๆ
“เนอะ ได้กินอะไรอร่อยๆ เป็นเรื่องที่วิเศษจริงๆ นั่นล่ะ… หุๆ แล้วก็ ดูเหมือนผู้คนรอบข้างจะตกหลุมที่คุณเร็นขุดไว้ด้วยรอยยิ้มตะกี้ แบบขึ้นมาไม่ได้แล้วล่ะค่ะ รู้ตัวมั้ย? ”
…...ทุกคนกำลังมองมาเหรอ ไม่จ้องกันเกินไปหน่อยเหรอ? ….มาตั้งสมาธิทานอาหารตรงหน้าดีกว่าเนอะ หลังจากนั้นฉันก็ก้มหน้าก้มตาเคี้ยวงั่มๆ ต่อ
“แต่ทำเอาแปลกใจเลยนะคะ ที่คุณเร็นรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารแบบทางการด้วย อาจจะเก่งกว่าฉันด้วยซ้ำ…..ไปเรียนรู้มาจากไหนคะเนี่ย? ”
“ความลับค่ะ”
เรียนมาจากชาติก่อนน่ะสิ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปหรอกนะ แล้วก็ไม่ใช่จู่ๆ จะโพล่งว่า เพราะเคยไปทานอาหารหรูๆ กับหัวหน้าที่บริษัท ออกไปได้ซักหน่อย ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลแกมบังคับที่ทำให้ต้องรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารไปโดยปริยาย การเป็นวิศวกร กับนักวิจัยไม่ได้หมายความว่าต้องขลุกอยู่แต่กับงานค้นคว้าในห้องหรอกนะ มันมีสิ่งอื่นๆ ที่ยังต้องรับผิดชอบอยู่อีก อย่างพวกการเจรจาต่อรองพวกเงินทุนวิจัยอะไรเทือกนั้น
แต่แน่นอนว่าคุณลิลลี่ไม่รู้อะไรแบบนั้นแน่ๆ แล้วก็คงไม่คิดว่าฉันจะได้เรียนรู้อะไรพวกนั้นมาจาก อาชีพในชาติก่อน ด้วย ก็ถ้าไม่มองที่ชาติก่อน ณ ตอนนี้ฉันเป็นนักผจญภัย คนส่วนมากมักมองว่าสายอาชีพนี้มักจะความรู้น้อย แม้แต่ความรู้ขั้นพื้นฐานก็คงไม่มี แถมอายุอานามก็แค่สิบเอ็ด แต่ดันรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารแบบทางการจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ เพราะงั้นมาไม่ว่าจะตีลังกามองจากมุมไหน ใครเห็นก็คงบอกว่าแปลก
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อฉันไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนออกไปได้ ฉันเลยทำได้แค่ เอียงคอเบาๆ แล้วยิ้มเขินๆ แก้เก้อกลบเกลื่อนกลับไป ดูเหมือนพักนี้จะทำแบบนี้บ่อยไปแล้วนะ
“นี่ๆ ลิลลี่ เพราะว่าเป็นคุณเร็นยังไงล่ะ…...”
“......จริงด้วยสินะ”
เดี๋ยว~ ? ทำไมแอบรู้สึกว่าผลตอบรับจากสองคนนี้ไปในทางลบล่ะะะ?
เอาเถอะ พอฉันทานซุปตรงหน้าจนเกลี้ยง ก็เอื้อมมือไปหยิบขนมปังมา
ลองกัดดูคำหนึ่ง อื้ม อร่อย นุ่มด้วย ถึงตามปกติแล้ว นี่จะแข็งกว่าขนมปังที่ใช้ยีสต์ธรรมชาติหมักก็เถอะ แต่ที่ผ่านมาได้ทานแต่ขนมปังดำ1 น่ะสิ เพราะงั้นเลยไม่ได้ทานขนมปังนิ่ม2 มาซักพักใหญ่ๆ แล้ว หรือจะพูดให้ถูกก็คือนี่เป็นครั้งแรกนับจากมาที่โลกนี้ น่าเสียดายนะ ที่ไม่ทันได้คิดเรื่องนี้มาก่อนเลย
[1 Black Bread เรียกอีกอย่างว่าขนมปังแป้งไรย์ (Rye bread) ตามตัวเลยคือทำจากแป้งข้าวไรย์ เนื้อจะสีเข้มกว่า และแข็งกว่า ขนมปังนิ่ม ]
[2 Soft Bread ขนมปังนิ่มเป็นขนมปังแป้งขาวทั้งหลายที่เราๆ ทานกันค่ะ ใช้แป้งสาลีเป็นแป้งหลัก สมัยก่อนนับเป็นของแพง สำหรับผู้ดีมีเงินทานกัน]
จานถัดมาคืออะไรซักอย่างที่คล้ายไก่ทอดคาราอาเกะ ฉันใช้ส้อมจิ้มเนื้อทอดอันนั้นเข้าปากแล้วเคี้ยว…….อื้ม คาราอาเกะแท้ๆ คาราอาเกะอย่างไม่ต้องสงสัย โลกนี้มีอาหารจำพวกทอดอยู่จริงๆ ด้วยสินะ
ฝีมือการทอดของเชฟไม่เลวเลย เนื้อไก่ไม่แห้งยังคงฉ่ำ ที่น่าเสียดายคือ จากรสสัมผัสผิวที่ทอดทำให้รู้ว่า ไม่ได้ใช้เทคนิค การทอดสองครั้ง และรสชาติของเนื้อปรุงแค่เกลือและพริกไทย ไม่ได้ผ่านการหมักซอสอะไรใดๆ ไม่ได้แย่ แต่มันยังขาดอะไรไป……ใช้คำว่าน่าเสียดายก็ได้ แล้วก็นอกจากนั้นยังใส่พริกไทยไม่ถึงอีก อาจจะเพราะว่า เครื่องเทศที่โลกนี้เป็นของแพงล่ะมั้ง …... ไม่ได้หมายความว่าไม่อร่อยนะ แต่โดยส่วนตัวยังไม่พอใจง่ะ เอาไว้หนหน้าลองทำเป็นเวอร์ชั่นของตัวเองมั่งดีกว่า
แต่ว่ามันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ ที่จะใช้เนื้อวัวเป็นจานหลักต่อจากเนื้อไก่ทอดอีกทีน่ะ? ตามหลักจริงๆควรจะเป็นปลานะ แต่ก็นะ พอเข้าใจแหละ ว่าการขนส่งปลาเข้ามาถึงนี่เป็นเรื่องยากแต่ก็…....
“ให้ทานเนื้อวัวต่อมันจะหนักท้องเกินไปหน่อยอ่ะนะคะ…..”
“ก็นะ อาจจะมีเหตุผลอยู่นะคะ…...”
“ว่าแล้ว ตามหลักแล้วจานหลักควรจะเป็นเนื้อปลาหรอกจริงๆ สินะคะ? ”
“นั่นสินะ เอ๊ะ รู้ได้ไงนะคะ ว่าจานต่อไปจะเป็นเนื้อวัว!?”
“ก็ มันมีหลายอย่างที่ทำให้คาดเดาได้น่ะ? แต่ว่า การที่จะเลือกใช้ปลาแม่น้ำก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ใช่มั้ยล่ะคะ? ทำไมถึงเลือกเนื้อวัวมาทำจานหลักกันน้า ”
“ปกติแล้วปลาแม่น้ำที่ตัวใหญ่พอจะทำเป็นจานหลักได้ จะถูกจัดไปทำเป็นจานหลักให้กับฝั่งชนชั้นสูงก่อนน่ะค่ะ แต่ก็จะมีบางทีที่ทางร้านจะมีสั่งปลาเข้ามาเยอะเกิน เหลือเล็ดรอดออกมาฝั่งสามัญชนบ้างเหมือนกันถ้ามาถูกเวลา สำหรับคนธรรมดาแล้ว ถ้าอยากทานจริงๆ ร้านอาหารธรรมดาข้างนอกก็ยังพอหาทานได้บ้าง แต่ก็…….”
“......แต่รสชาติก็จะไม่ได้อร่อยอะไรสินะ”
เพิ่มเติมก็คือ การตกปลาแม่น้ำอย่างสงบสุขบนโลกนี้ค่อนข้างจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีสัตว์ประหลาดออกมาก่อกวนเป็นระยะๆ
ถึงขนาดที่ว่าบรรดาพ่อค้าที่เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ ต้องจ้างคนคุ้มกันเพื่อการนี้ แลกกับการจับปลาล๊อตใหญ่ส่งร้านอาหารเลยทีเดียวล่ะ
แล้วก็นะ ดูเหมือนว่าแม้แต่ปลาแม่น้ำก็จะถูกนับเป็นของราคาแพงล่ะ
ฉะนั้นแล้วถ้าฉันอยากทานปลาแม่น้ำจริงๆ ก็ต้องเหนื่อยลงแรงจับเอาเอง ไม่นับพวกริ้นไรน่ารำคาญ โลกก็ยังมีสัตว์ประหลาดเพ่นพ่านอยู่ การเอาชีวิตเข้าเสี่ยงเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเข้าไปอีก……..แต่ก็นะ จริงๆ แล้วฉันก็ยังมีปลาแม่น้ำเก็บตุนอยู่ใน【มิติกักเก็บ】อีกเพียบเลยล่ะนะ
จานเนื้อหลักถูกยกออกมาขณะที่พวกเรานั่งเม้ามอยกัน และมันก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เนื้อวัวตุ๋นไวน์แดงจริงๆ อื้ม ก็พอเข้าใจได้ แล้วก็สมเหตุสมผลดีแหละนะ เพราะว่าเมนูนี้เหมาะกับการทำเป็นปริมาณมากน่ะสิ อื้ม
แต่ถึงเมนูนี้จะทำได้ง่ายยังไงก็ไม่ได้ทำมาแบบลวกๆ นะ เห็นความพิถีพิถันในการปรุงจากการช้อนฟองออกเลยล่ะ เนื้อก็นุ่มเหนียวกำลังดี อื้มม อะหย่อยอ่ะ แย่แล้ว คุมกล้ามเนื้อแก้มไม่ได้อีกแล้ว อร่อยจังเลยอ่ะ งื้ออ~!
“......คุณเร็นคะ ควบคุมอารมณ์หน่อยสิ”
ไอ๊ย่ะ โดนมองจากโต๊ะอื่นที่อยู่รอบๆ อีกแล้ว! แต่ว่านะ ก็มันอร่อยขนาดนี้ จะไปคุมยังไงไหวล่ะ!
หลังจากที่จัดการเนื้อวัวตุ๋นจนเกลี้ยงแล้ว ของหวานก็ถูกยกออกมา
นี่มัน…...ฮ๊อทเค๊ก1 ? มีแม้กระทั่งน้ำผึ้งกับเนยโปะมาข้างบนเลยนะ อื้ม นี่มันฮ๊อทเค๊กจริงๆ นั่นล่ะ ความนุ่มฟูนี้นี่มัน….. ใช้เบกกิ้งโซดาทำให้ฟูสินะ? อา…...ถ้ามีเบกกิ้งโซดาล่ะก็ ทำอะไรได้อีกหลายอย่างเลย…..เอาไว้ต้องหาซื้อมาเตรียมไว้บ้างแล้วล่ะ
[1 ホットケーキ(Hotcake) : จริงๆ มันก็คือแพนเค๊กบ้านเรานั่นล่ะค่ะ ]
อา นี่คงเป็นหนแรกที่จะได้ทานขนมหวานของโลกนี้สินะ…….ถ้าไม่นับที่ตัวเองทำนะ อาห์ーอร่อยจุงเบยー งั่มงั่ม
พอรู้สึกตัวอีกที ทุกอย่างบนโต๊ะก็ราบเรียบ
อิ่มแบบไม่ไหวแล้ว อิ่มจนรู้สึกว่าตัวหนักเลยอ่ะ! ทานเยอะไปอ่ะ! อย่างที่พูดไว้แต่แรก ปริมาณต่อจานเยอะเกินไปจริงๆ!
“......อร่อยมากเลยล่ะ แต่อิ่มจนทรมาณเลยค่ะ ปริมาณมันไม่เยอะเกินไปหน่อยเหรอ? ”
“อ่า เพราะว่ามีลูกค้าเป็นนักผจญภัยชั้นสูงมาที่นี่อยู่พอสมควรน่ะค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วล่ะค่ะ”
นักผจญภัยน่ะ ต้องใช้พลังกาย ทำให้ต้องทานเยอะตามไปด้วย กอปรกับอาหารที่นี่ก็ดีมากจริงๆ ทั้งอร่อยและให้เยอะ แต่ราคาสูง นักผจญภัยระดับบนๆ น่ะ หาเงินได้มาก ฉะนั้นร้านนี้จึงตอบโจทย์ได้ดี
ขณะเดินกลับโรงแรมไปก็ลูบท้องป่องๆ ไป ก็เริ่มคิดว่าถ้าไม่ออกกำลังกายซะบ้างคงแย่ แต่ก็ลืมไปว่าคงไม่มีโอกาสเพราะตั้งแต่พรุ่งนี้ไปก็คงได้แต่นั่งรถม้าตลอดทาง
อ่า ช่างมัน เอาไว้ถึงเมืองหลวงก่อนก็ละกัน…...
TL note : ขอโทษที่อัพช้านะคะ สังขารไม่ดีจริงๆ
ไม่น่าหลวมตัวมาอ่านตอนดึกเลย
ReplyDeleteเวร ไอ้ตอนนี้เราก็มาอ่านดึกๆ
ReplyDeleteอ่านเสร็จแล้วหิวเลย
ReplyDeleteทีแรกว่าพลาดได้ไงเนี่ยะ จนมาอ่านคอมเม้น หึๆๆ อิ่มพอดี
ReplyDeleteไม่ต้องรีบครับ ค่อยๆลงแบบนี้ดีแล้ว คุณภาพการแปลก็ดีด้วย ถึงช้าก็ยอมรอ
ReplyDeleteฉันหิว! >A<
ReplyDelete