056 - เศรษฐีฟางข้าว?*
[* わらしべ長者 : เศรษฐีฟางข้าว เป็นนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น เป็นเรื่องของชาวนาผู้ขยันหมั่นเพียร เข้าไปขอพรกับพระพุทธรูปขอให้พ้นจากความยากจน
พอออกมาจากวัดก็สะดุดหินหน้าวัดล้มลง เจอฟางข้าวหล่นอยู่ตรงหน้า ขณะที่ชาวนาเก็บฟางข้าวขึ้น ก็มีแมลงวันตัวใหญ่บินมาตอมหน้าตอมตา ชาวนารำคาญจึงจับเอาแมลงวันตัวนั้นมามัดไว้ที่ปลายฟางข้าว(ห้ะ?)
ชาวนาเดินต่อมาเรื่อยๆ พบเข้ากับคุณแม่จูงมือลูกชายเดินสวนมา เด็กร้องบอกอยากได้แมลงวันที่ผูกฟางข้าวนั้น(ห้ะ?) ชาวนาเลยยกให้ คุณแม่เห็นตามนั้นก็ดีใจที่ลูกชายได้ของเล่นเลยยกส้มที่ติดมือมาให้เป็นของตอบแทน
ชาวนาถือส้มเดินต่อมาพบกับพ่อค้าที่กำลังนอนหิวท้องกิ่วจึงยกส้มให้พ่อค้ากินแก้หิว พ่อค้าดีใจมาก จึงยกม้วนผ้าไหมมัดงามให้เป็นสินน้ำใจที่ช่วยชีวิต
ชาวนาเดินทางต่อ จนมาได้พบกับคนรับใช้ของซามูไรทีกำลังรับมือกับม้าที่นอนหมดแรงขยับตัวไม่ได้ คนรับใช้ของซามูไรจึงขอแลกม้ากับม้วนผ้าไหม(ห้ะ?) ชาวนาอาจจะสงสารม้าหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ จึงรับคำ และตักน้ำมาให้ม้าดื่ม ดูแลจนมันหายดี
ชาวนาขี่ม้าออกเดินทางต่อจนมาพบเข้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ชายเจ้าของคฤหาสน์เดินออกมาขอยืมม้ากับชาวนา แล้วบอกว่า ถ้าไม่กลับมาในสามปี จะขอยกคฤหาสน์หลังนี้ให้(ห้ะ?) ผ่านไปสามปี ห้าปี ชายคนนั้นก็ยังไม่กลับมา ชาวนาจึงกลายเป็นเจ้าของคฤหาสน์ไป
ฉะนั้นคำว่า เศรษฐีฟางข้างจึงเป็นคำเปรียบเปรยหมายถึง การที่เอาของที่มีมูลค่าต่ำกว่า ไปแลกของมีค่ามากได้สำเร็จ ]
ขณะที่กำลังมุ้งมิ้งกับคุณลิลลี่อยู่นั้น ลุงหัวหน้าหมู่บ้านเดินเข้ามาร้องเรียกหา
“เฮ้ย พร้อมรึยัง? ”
“อ่ะค่ะ”
โทษนะ ก็คุณลิลลี่เค้าน่ารักขนาดนี้ ใครจะห้ามใจได้ล่ะ?
“รอบนี้มีเธอผ่านแค่คนเดียว เลยอยากรีบๆ ขายให้จบๆ ไป ตกลงนะ? ”
“ค่ะ ไม่เป็นไรเลย”
“งั้นตามข้ามา”
ที่ๆ คุณหัวหน้าหมู่บ้านนำไป เหมือนจะเป็นคลังเก็บไข่ของหมู่บ้าน โดยมีคุณลิลลี่ร่วมทางเดินตามมาด้วย
“ว่าแต่ เจ้าซุปชามนั้นน่ะ…...”
“อา ถ้าหมายถึงซุปเมื่อตะกี้ล่ะก็ จะทานทั้งหมดที่มีในหม้อนั้นเลยก็ได้นะคะ”
“ขอบใจนะ ว่าแต่เจ้าหอมใหญ่สีดำที่เธอใช้นั่นน่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้ข้าหน่อยได้มั้ย? ”
“ขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันให้ไม่ได้จริงๆ….”
“ก็ไม่ได้บอกว่าจะขอวิธีทำสักหน่อย แถมข้าจะจ่ายเงินซื้อด้วยนะ! ”
“......ขอโทษนะคะ”
ขอโทษจริงๆ นะ ก็ตอนทำเจ้านี่มันใช้เวลาเยอะมากเลยง่ะ
ถึงแม้ว่าขั้นตอนในการทำมันจะฟังดูเรียบง่าย แต่ที่เป็นปัญหาจริงๆ คือระยะเวลาในการทำต่างหาก และในเมื่อขณะที่กำลังเคี่ยว ต้องคอยคุมความร้อนให้คงที่ตลอดเวลา ทำให้ภาระค่าเชื้อเพลิงสูงเอามากๆ เลยล่ะ ยิ่งเป็นโลกนี้ด้วยแล้วล่ะก็นะ ซึ่งกรณีของฉันมันต่างออกไป ตรงที่ฉันใช้เตาเวทย์มนต์น่ะสิ ส่วนเชื้อเพลิงก็ใช้พลังเวทย์มนต์คอยอัดเข้าไปแทน แต่ว่าถึงจะใช้อุปกรณ์ต่างกันขนาดไหน แต่ระยะเวลาในการทำก็ยังนานไม่ต่างกันอยู่ดี แล้วก็ ฉันน่ะเลือกตอบปฏิเสธไปแล้ว ปฏิเสธก็คือปฏิเสธ จะบอกเหตุผลหรือไม่ ผลก็คงไม่ต่างกัน
เอ๋? ใช้【เวทย์รังสรรค์】ไม่ง่ายกว่าเหรอ? แหม สำหรับการทำอาหารแล้ว ถ้าไม่ได้ลงมือทำเองมันไม่ฟินง่ะ….
“งืมม ไม่ได้งั้นเหรอ โชคไม่ดีเลยนะ”
ฟังดูผิดหวังแบบสุดๆ เลยแฮะ แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา ก็ถ้าขืนให้ไปต้องมีเรื่องยุ่งยากตามมาอีกแหงแซะ
“อืมม คุณเร็น….ซุปนั่นน่ะ”
“เอาไว้ทำให้ทานทีหลังนะ? ”
“ค่ะ! ”
ตอนนี้คุณลิลลี่กลายร่างเป็นเด็กงอแงขอขนมไปซะแล้ว ฉันคงสปอยล์เยอะไปใช่มะ!
“จะว่าไปแล้ว เรื่องหาโรงแรมเป็นไงบ้างเหรอ? ”
“ไม่มีเลยซักที่ล่ะ”
“หา?”
“จะพูดให้ถูกก็คือ ที่นี่ไม่มีโรงแรมแต่แรกแล้วน่ะค่ะ”
“เอ๋? งั้นพวกพ่อค้าที่มาหมู่บ้านนี้จะหลับนอนที่ไหนกันล่ะ…... ”
“จำลานกว้างริมทางหลวงก่อนที่จะถึงหมู่บ้านได้มั้ยล่ะคะ ดูเหมือนว่าพื้นที่ตรงนั้นจะเป็นลานพักแรมที่พวกพ่อค้าจะใช้เป็นที่พักหลักน่ะค่ะ”
จะได้นอนเฝ้าสินค้าในพาหนะได้สินะ อย่างนี้นี่เองเข้าใจล่ะ
“จริงๆ แล้วหลังจากที่รู้ว่าที่นี่ไม่มีโรงแรม ก็เดินหาคุณเร็นตลอดทางเลยล่ะค่ะ เพราะว่าพอมาถึงรถม้าก็หายไปแล้ว ใจหายแค่ไหนนึกออกมั้ยล่ะคะ? ”
ฮะๆๆ ขอโทษนะ?
ชั่วครู่หลังจากนั้น ดูเหมือนว่าพวกเราจะเดินมาถึงคลังเก็บแล้วล่ะ ว่าแต่ ทางลงใต้ดินงั้นเหรอ?
“ข้่างล่างนี่ล่ะ”
“นี่มัน…...ห้องเย็นงั้นเหรอคะ? ”
“ใช่แล้วล่ะ เป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะเก็บสินค้าให้อายุยืนที่สุดเท่าที่จะทำได้น่ะ”
ยอมรับตรงๆ เลยว่าแปลกใจมากเลยล่ะ นึกว่าโลกที่เหมือนยุคกลางแบบนี้จะมีวิธีเก็บไข่ที่อุณหภูมิห้องแบบตามมีตามเกิดซะอีก แต่ดันเป็นห้องเย็นแบบถูกต้องตามหลักการซะงั้น ไม่สิ จะคิดแบบนั้นก็ไม่ถูก เพราะที่โลกโน้นหลายๆ ประเทศก็ยังเก็บแบบตามมีตามเกิดอย่างที่ว่าไปอยู่เลยนี่นะ ซึ่งสำหรับญี่ปุ่นแล้ว นั่นมันโคตรผิดปกติเลยล่ะ
ขณะที่เดินลงบันได ก็รู้สึกได้ว่าอุณภูมิรอบข้างนั้น เย็นลงเรื่อยๆ ทุกก้าวที่ย่างเท้าลงไป ใช้วิธีไหนทำความเย็นกันนะ…?
“ไม่ใช่ว่านี่มันเย็นเอามากๆ เลยไม่ใช่เหรอ~? ”
“อาริสะก็รู้สึกเหมือนกันเหรอ? ”
“คุณลิลลี่ก็รู้สึกเหมือนกันสินะคะ? ”
ดูเหมือนไม่ใช่ฉันคนเดียวที่รู้สึกผิดสังเกต
ถึงจะใช้คำว่าห้องเย็นก็เถอะ แต่ไม่นึกว่าจะเย็นขนาดนี้ เพราะว่านี่มันเข้าเดือนหกไปแล้ว อากาศเริ่มร้อนขนาดที่ว่า เอาหิมะมากองมากมายขนาดไหนก็คงละลายไปอย่างรวดเร็วแน่ๆ นี่มันยังไงกันล่ะเนี่ย?
“......สังเกตเห็นเหมือนกันสินะพวกเธอน่ะ จริงๆ แล้วเมื่อเดือนก่อนเกิดเหตุโจรแอบเข้ามาขโมยไข่ในนี้น่ะ….ข้าก็จับได้อยู่หรอกนะ แต่ตอนที่มันหนีออกไปดันเปิดประตูทิ้งไว้ กว่าที่พวกข้าจะรู้สึกตัวก็ผ่านไปซักพัก หิมะละลายไปเยอะมากแล้ว ย้อนคิดไปแล้วยังโมโหไม่หายเลย! ”
…...พูดไม่ออกเลยแฮะ
ทั้งหมดทั้งมวลเลยทำให้เกิดปัญหาเรื่องของการเก็บสินค้าสินะ นั่นเลยทำให้ไข่เน่าเสียเร็วกว่าที่ควร ทางหมู่บ้านเลยมีปริมาณไข่ให้ขายได้น้อยไปเลยโดยปริยาย
“ถึงแล้ว ไข่ที่เก็บไว้อยู่ในห้องหลังประตูนี้ จะซื้อมากเท่าไหร่ก็ได้ไม่ว่ากัน”
“เอ๋? เท่าไหร่ก็ได้เหรอคะ? ”
“จริงๆ แล้วถ้าซื้อไหวจะเอาไปหมดเลยก็ยังได้ มันอาจจะทำให้มีไข่ให้ขายได้น้อยลงในอนาคตก็จริง แต่ก็ดีกว่าที่จะเก็บไว้โดยไม่รู้ว่าจะขายออกเมื่อไหร่ แล้วปล่อยให้มันเน่าเสียไปซะเปล่าๆ สู้ขายออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ตอนนี้ดีกว่า ”
“เข้าใจแล้ว ด้วยเหตุผลนั้นเองสินะคะ…...”
พอก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็พบกับไข่ที่เรียงรายอยู่บนถาดเรียงแบบนับไม่ถ้วนอยู่เบื้องหลังประตู แต่ว่าถึงจะดูเยอะแค่ไหน ถ้ามองในแง่ของปริมาณสำหรับการขายส่งในอนาคตแล้ว ดูเหมือนว่าอาจจะน้อยไปจริงๆ นั่นแหละ
“ถ้างั้นแล้ว ขอเลือกเฉพาะที่อยากได้ได้มั้ยคะ? ”
“เอาเลย”
เพราะงั้น ตอนนี้ฉันเลยใช้【ประเมินค่า】ในการช่วยเลือกไข่อยู่ล่ะ เงื่อนไขสำคัญสำหรับการเลือกก็คือ สดใหม่ และไม่มีเชื้อซาลโมเนลล่า1
[1 サルモネラ(Salmonella) : เชื้อแบคทีเรียที่เป็นตัวการก่อให้เกิดโรคท้องร่วงตัวหนึ่งค่ะ]
หลังจากที่【ประเมินค่า】ของฉันขึ้นไปถึงระดับ 10 ตอนนี้สามารถใช้ดูรายละเอียดเล็กๆ ยิบย่อยของสิ่งต่างๆ ได้แล้ว สะดวกมากเลยล่ะ
เท่าที่เห็นราวๆ 30% ของทั้งหมดจะมีเชื้ออยู่ จริงๆ ก็ไม่รู้หรอกว่ามันมากหรือน้อยอะไรยังไง แต่ฉันแค่เลือกที่จะไม่ซื้อน่ะ เพราะงั้นเรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก
“......นี่เธอน่ะ ดูออกใช่มั้ยว่าถ้ากินไข่ใบไหนเข้าไปแล้วจะทำให้ปวดท้องน่ะ? ”
“......”
อย่าตอบออกไปนะ! อย่าพูดอะไรนอกเหนือไปจากที่จำเป็นนะ!
หลังจากที่เลือกจนหนำใจแล้ว สรุปยอดรวมเป็นไข่ราวครึ่งหนึ่งของทั้งหมดในห้องเย็น ได้ราวๆ 500 ฟองสินะ? ฟังดูเหมือนเยอะ แต่ในเมื่อฉันเอาไปทำอาหาร จำนวนที่แลดูเหมือนจะเยอะนี้ ก็คงหายวับไปในเวลาไม่นาน แล้วถ้ายิ่งคิดจะทำของหวานด้วยนะ ต่อให้มีอีกสิบเท่าของที่ตั้งใจจะซื้อคงยังไม่พอเลย
“......ซื้อเยอะขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่สิ...นั่นช่วยพวกเราได้มากเลย”
“ค่ะ เพราะว่ามีอาหารอีกหลายๆ อย่างที่คิดอยากจะทำค่ะ”
ในโลกนี้ ไข่ถึงว่าเป็นของแพง สมัยที่ยังอยู่ที่โรงแรมในฮาลูร่า ไข่หนึ่งใบราคา 1 เหรียญเงิน คิดเป็นเงินเยนก็คงราวๆ 1,000 เยนล่ะมั้งนะ? ไม่สิ อาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ?
ตอนที่สรุปราคากับคุณหัวหน้าหมู่บ้าน ราคาต่อใบอยู่ที่ 5 เหรียญเงินเล็ก ที่ถูกกว่ามากขนาดนั้นเพราะเป็นราคาส่ง
แต่ถึงจะถูกขนาดไหนก็ยังใบละ 500 เยนอยู่ดี เพราะงั้นทั้งหมดก็ราวๆ 250,000 เยน หรือก็คือ 2 เหรียญทอง กับอีก 5 เหรียญทองเล็ก แพงว้อย!
“งั้น นี่คือยอดเงินรวมทั้งหมดสินะคะ”
“อื้ม ใช่แล้ว”
ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ก็ได้ไข่มาแล้ว ไข่น่ะ! ทำอาหารได้อีกหลายอย่างเลยล่ะ! ขอบคุณนะคุณหัวหน้าหมู่บ้าน!
…...อือー ถ้าหว่านไมตรีไว้ หนหน้าจะกลับมาซื้อใหม่ได้โดยไม่ต้องวุ่นวายแบบนี้อีกได้มั้ยนะ?
“เอ่อ.. นี่อาจจะไม่ใช่ของมีค่าอะไร แต่เพื่อเป็นการขอบคุณที่ยอมขายไข่ให้นะคะ”
“อื๋อ? ”
ฉันเปิดใช้งานสกิล【มิติกักเก็บ】หิมะปริมาณมหาศาลไหลทะลักออกมาจนเต็มห้องเย็น
เมื่อช่วงต้นปี พายุหิมะถล่มบ้านของฉันซะแทบจะถูกฝังกลบจนมิด ฉันจึงใช้【มิติกักเก็บ】เก็บหิมะทั้งหมดที่ทับถมอยู่รอบๆ บ้านเข้าไป
ตอนนั้น การที่ได้เห็นหิมะหายวับไปกับตา เป็นสิ่งบังเทิงมากเลยล่ะ ยิ่งเป็นช่วงฤดูหนาวที่ไม่มีอะไรให้ทำอยู่แล้วด้วย เพราะงั้นจึงเดินไล่ดูดหิมะอาณาบริเวณรอบๆ ทั้งหมดเข้าไป มาคิดดูแล้วที่เก็บเข้าไปนั่นมันเป็นปริมาณมหาศาลมากเลยล่ะนะ และเจ้าเกล็ดน้ำแข็งสีขาวพวกนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน ยังคงอยู่ใน【มิติกักเก็บ】มาจนถึงบัดนี้
เอาจริงๆ ที่เทออกมาทั้งหมดนี่ยังไม่ถึง 1 ส่วนของที่มีเลยนะ
“......เห? ”
“หมดนี่จะพอใช้จนถึงฤดูหนาวมั้ยคะ? ”
“เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน ยังไงเนี่ย? นี่มัน? ยังไงกัน? ”
ไม่ต้องงงขนาดนั้นก็ได้นะ
“ไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นก็ได้ ทางนี้ยังมีเหลืออีกเยอะเลยค่ะ”
“......เฮ้อ ถึงจะบอกว่า ไม่ต้องคิดมาก แต่เจอแบบนี้ แค่คิดเฉยๆ ยังเหนื่อยเลยนะ”
“ไม่ต้องใส่ใจมากนักหรอกค่ะ คนๆ นี้ค่อนข้างจะหลุดโลก ทำอะไรผิดมนุษย์มนาบ่อยๆ อยู่แล้ว”
คุณลิลลี่เจ้าคะ นั่นไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคะ?
“พูดแบบนั้นก็ถูก…...การมานั่งพยายามทำความเข้าใจถึงที่มา มันไม่สำคัญเท่าผล หรือสิ่งที่กองอยู่ตรงหน้าหรอก ว่าแต่….ให้หิมะมามากขนาดนี้ไม่เป็นไรแน่รึนังหนู? พูดชัดๆ เลยนะ ไม่ใช่ว่าหมดนี่มันแพงกว่าไข่ 500 ฟองที่ซื้อไปซะอีกรึ? ”
“ไม่เป็นไรจริงๆ นะคะ อย่างที่บอกไป ว่ามีอีกเยอะเลย”
“งั้นเหรอ…...ขอบใจมากนะ พูดตรงๆ เลย ว่าช่วยได้มาก ทั้งข้าและหมู่บ้านนี้เลย ถึงขนาดจะเรียกว่าผู้มีพระคุณเลยก็ยังได้! ส่วนเงินที่ค่าไข่ไห้มาน่ะ ขอคืนให้นะ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก จริงๆ แล้ว แค่คืนยังไม่พอเลยด้วยซ้ำ…...”
เดี๋ยวนะ เริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าตกลงเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าเงินค่าไข่นั่นมันเยอะมากเลยไม่ใช่เรอะ? ไม่เป็นไรจริงๆ เหรอนั่น? เอาซะรู้สึกผิดเลยวุ้ย หืม? งั้นเอาแบบนี้ดีกว่า
“กรุณาอย่าใส่ใจเลยค่ะ อ่ะ งั้นขอมอบอันนี้ให้”
“เจ้านี่มัน…...ตะกี้เธอบอกว่ายกให้ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”
“เมื่อกี้ก็ส่วนเมื่อกี้ค่ะ”
“......ขอบใจนะ ขอบใจจริงๆ”
ฉันส่งขวดโหลที่มีเนื้อหอมใหญ่เคี่ยวสีอำพันเข้มสำหรับทำซุปหัวหอมให้กับคุณหัวหน้าหมู่บ้าน
แต่จะไม่บอกวิธีทำหอมใหญ่เคี่ยวนี่ให้หรอกนะ จะสอนแต่วิธีเอาเจ้านี่ไปใช้ทำซุปหัวหอมเท่านั้นเอง
ถึงจะมีชั่วแว่บหนึ่งที่จิตใจลังเล ไม่อยากยกให้ก็เถอะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฉันยังมีเจ้าพวกนี้เก็บอยู่ในโหลแก้วอยู่อีก สี่ใบเต็มๆ ก็เผลอทำเยอะไปหน่อยง่ะ
แต่ว่านะ กว่าที่จะเคี่ยวจนได้ที่ก็ยังนานแล้วก็ยุ่งยากอยู่ดี ต้นเหตุของความลังเลก็มาจากเรื่องนี้นั่นแหละ
แต่ถ้าหว่านเสน่ห์ไปแล้วได้ผล เที่ยวหน้าสามารถเดินดุ่มๆ เข้ามาขอซื้อได้เลย ก็คงไม่นับว่าเสียเปล่าหรอกใช่มะ?
หิมะ มีค่ามากในฤดูร้อน
ReplyDeleteไร้ค่าในฤดูหนาวสินะ
หว่านพืชไว้หวังผลในครั้งหน้ายังไงละ
ReplyDeleteไม่สนใจเอาไปลงใน nekopost.net บ้างเหรอครับ
ReplyDeleteงานแปลดี ๆ แบบนี้น่าจะคุยกันครึกครื้น
ไม่ต้องคิดมากที่ไม่เหมือนมนุษย์มนาก็เพราะเป็นเผ่านางฟ้ายังไงละ
ReplyDelete