054 - ภายนอกหน้าต่างนั้น





   รุ่งเช้าวันที่สอง ของการเดินทางสู่เมืองหลวงแล้ว แสงแดดอบอุ่นสาดส่องลงมา อากาศแจ่มใสดีจังเลย
   ฉันเดินลงมาจากรถเทียมม้าที่เป็นที่หลับที่นอนเมื่อคืน ยืดตัวขึ้นบิดขี้เกียจ จากนั้นก็ล้างหน้า และแปรงฟันตามลำดับ
   ว่าไปนั่น จริงๆ แล้วที่ทำก็แค่ใช้เวทย์『ชำระล้าง』จัดการทั้งหมดในจบเดียวน่ะนะ แล้วก็ อยากหวีผมชะมัด แต่ในเมื่อตอนนี้พวกเราไม่ใช่คณะเดินทางเดียวที่อยู่ในลานพักนี่ เพราะงั้นก็คงต้องทนไปก่อน
   เพราะว่าไม่อยากเลิกฮู้ดลงมา เลยตัดสินใจที่จะรอจนกว่าจะล้อหมุน แล้วค่อยไปจัดการในรถเอาทีหลัง แบบว่าตอนนี้น่ะ สภาพเป็นยัยเพิ้งแบบคนเพิ่งตื่นนอน เรียกว่าพังพินาศจริงจังซะจนไม่อยากให้ใครเห็น เอาจริงนี่หงุดหงิดจนแทบจะร้องไห้เลยล่ะ
   ว่าไปแล้ว เมื่อคืนตอนมื้อค่ำก็โดนมองแรงใส่จากบรรดาเพื่อนร่วมทางที่พักในลานรอบข้างไปแล้วอ่ะนะ อาจจะเป็นเพราะกลิ่นหอมๆ ของเกี๊ยวซ่ามันโชยไปทั่ว แต่เพื่อของกินอร่อยๆ แล้ว นั่นไม่ได้หนักหนาอะไรซักกะนิด

   คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอย่างที่ว่าไปพลาง เล่นกับเบลไปพลาง ก็ฉุกใจคิดได้ว่าควรเตรียมมื้อเช้าก่อนที่สองคนนั้นจะตื่น
   ในเมื่อเป็นมื้อเช้าแล้วก็ไม่ค่อยอยากทานอะไรหนักๆ ซักเท่าไหร่ เลยตัดสินใจว่าจะใช้ซุปไก่ที่มีอยู่ทำริซอตโต้1ล่ะ
[1 リゾット(ริซอตโต้) : ข้าวต้มอิตาเลี่ยน]

ริซอตโต้ : https://mi-journey.jp/foodie/52916/


   เนื้อสะโพกไก่ เห็ด หอมใหญ่ เนย แล้วเก๊าะ ไวน์ขาวนิดหน่อย จริงๆ ถ้ามีชีสก็อยากที่จะขูดฝอยโรยบนข้าวด้วยล่ะ แต่บังเอิญว่าไม่มีน่ะสิ ช่วยไม่ได้ จากนั้นก็ปรุงรสด้วยเกลือกับพริกไทย

   สองสาวตื่นเดินออกมาจากห้องโดยสาร อาจจะเพราะกลิ่นหอมของซุปไก่โชยเข้าไปปลุกสินะ

      “อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

      “อะฟุนสะหวาด~”

      “อรุณสะ…-หาว-..หวาดค่ะ”

   ยังไม่ตื่นดีสินะ ฉันคิดพร้อมกับยื่นอุปกรณ์สำหรับล้างหน้าแปรงฟันให้ ทั้งสองคนเดินไปด้านหลังรถม้า จัดการตัวเองไปพลาง หันมามองทางนี้ไปพลาง ของกินไม่หายไปไหนหรอกน่า แล้วก็ใช่ว่าจะแอบลักกินก่อนด้วย เพราะงั้นก็ไม่ต้องรีบอะไรขนาดนั้นหรอกนะ
   แต่ว่านะ ลานพักแรมใหญ่ขนาดนี้มักจะถูกบริหารจัดการโดยทางการล่ะ เพราะงั้นสิ่งอำนวยความสะดวกเลยมากกว่าที่อื่น ตัวอย่างที่ชัดเจนสำหรับที่นี่ก็คือบ่อน้ำ ซึ่งทำให้กิจกรรมอะไรก็ตามที่จะต้องใช้น้ำ อย่างพวกชำระล้างร่างกายหรือทำอาหาร ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว
   แต่ว่าไม่ใช่ทุกที่ที่บริหารโดยทางการจะเป็นแบบนี้หรอกนะ การบริหารพื้นที่ให้ได้อย่างลานพักแรมนี้มันต้องใช้งบประมาณมาก ลำพังขุดบ่อน้ำก็หลายแล้ว เงินน่ะ เป็นสิ่งที่สำคัญในทุกเรื่องจริงๆ น่ะแหละ

   พวกเราลงมือทานมื้อเช้ากันทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนทำธุระเสร็จ และเป็นอีกหนึ่งมื้อ ที่เป็นการทานข้าวแบบไร้คำพูดจาใดๆ นอกจากรอยยิ้มมีความสุขที่เปื้อนอยู่บนใบหน้างามของทั้งคู่
   นี่ๆ ไม่มีกะใจจะคุยอะไรกันบนโต๊ะอาหารซักกะนิดเยยเหยอ? เค้าเหงานะ

      “ได้กินของอร่อยแบบนี้ตั้งแต่เช้า…...วันนี้ต้องโชคดีไปทั้งวันแน่เลยล่ะค่ะ”

      “ก็มีคิดอยู่บ้าง ว่าเดินทางไกลแบบนี้แต่ปล่อยตัวสบายใจเฉิบแบบนี้มันจะดีแน่เหรอ? แต่มาคิดอีกทีก็คือ ถ้ามันสบายซะอย่าง ก็ควรอิ่มเอมกับมันซะ เพราะงั้นแล้ว ของกินอร่อยๆคือความถูกต้องล่ะ~”

   งื้อ...ในที่สุดก็เริ่มคุยกันบ้างแล้ว ขอบคุณนะคะ

   หลังจากจัดการมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เตรียมตัวออกเดินทางกัน โต๊ะและเก้าอี้ถูกพับเก็บ พื้นที่ห้องโดยสารในรถก็กลับสู่สภาพเดิม

      “ตอนแรกเห็นคุณเร็นบอกว่าเป็นแค่เตียงอย่างง่าย แต่ว่านี่ไม่เคยได้พบได้เจอเตียงที่นอนสบายแบบนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย”

      “ใช่มั้ยล่ะ~ นี่ฉันยังคิดเลยว่ากลับไปถึงบ้าน อาจจะไม่อยากนอนที่เตียงตัวเองอีกแล้ว~”

   สำหรับสองคนนี้แล้วอาจจะต่างออกไปสินะ แต่ฉันว่าการนอนแบบนี้ไม่ต่างกับปลาทูที่เรียงอยู่ในเข่งเลยง่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากนอนที่กว้างๆ ผ่อนคลายกว่านี้มากกว่า แต่จะเอาฉันไปเป็นเกณฑ์คงไม่ได้ ก็ในเมื่อสำหรับฉันแล้วนี่มันก็แค่ที่นอนฉุกเฉินบนรถอ่ะนะ

   ม้าโกเลมขยับลากรถเคลื่อนตัวออกไปอย่างราบรื่น หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
   คุณอาริสะเอ่ยขึ้นมาว่า ดูจากรูปร่างแล้ว ม้าสองตัวนี้ไม่เหมือนม้างานที่ใช้ลากรถทั่วไป แต่ไปละม้ายกับม้าศึกที่รูปร่างดี และมีความเป็นม้าชั้นสูงมากกว่า ซึ่งนั่นเองที่เป็นเหตุว่าทำไมเจ้ารถเทียมม้าที่ควรจะเรียบๆ กลับดึงดูดสายตาคนรอบข้างนัก แปลกมาก มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ…...
   ถ้ามองแค่รูปลักษณ์แล้ว สากลโลกก็คงมองว่าเจ้าม้านี่ดูดีกว่าม้าที่ทหารม้าใช้กันเสียอีก
   แต่ถ้ามองในแง่แรงลากที่โกเลมแต่ละตัวทำได้แล้วล่ะก็ ออกจะอ่อนไปหน่อย แต่นั่นก็จากที่ฉันกะเอาเองโดยไม่ได้เทียบกับม้าจริงๆ น่ะ
   พวกเรานั่งคุยเม้ามอยกันเช่นนี้ไปตลอดทาง จนกระทั่งแวะจอดพักเข้าห้องน้ำคุณลิลลี่ก็เดินเข้ามาทัก
 
      “เอ่อ คุณเร็น ขอถามอะไรนิดนึงสิคะ ”

      “อะไรเหรอ? ”

      “คุณเร็นไม่ได้ลงจากรถตอนที่เราแวะพักเข้าห้องน้ำกันเลยใช่มั้ยน่ะ? เมื่อวานก็อยู่บนรถตลอดเวลาจนถึงจุดพักแรมช่วงเย็นเลยด้วย …...แล้วระหว่างนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ออกไปไหนไกลเลย เอ่อ….อยากถามว่าไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรใช่มั้ย? ”

   ที่ไม่ได้ไปทำธุระเลยก็เพราะว่านี่ใช้『ชำระล้าง』จัดการเรื่องพวกนั้นน่ะสิ แล้วทางนี้ก็ใช้ตลอดเวลาเลยด้วยล่ะนะ
   เมื่อวานนี้ เท่าที่มองไปรอบๆ ลานพักแรมก็ไม่เห็นใครใช้เวทย์มนต์นี้เลยแม้แต่คนเดียว จะด้วยว่าใช้ไม่ได้ หรือเลือกจะไม่ใช้ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้หรอก
   แต่จากที่เห็น ฉันเลยตัดสินใจว่าต่อไปนี้จะเก็บเรื่องเวทย์มนต์นี้เป็นความลับไว้จะดีกว่า เผื่อเอาไว้น่ะนะ  เพราะงั้นแล้ว นี่เลยไม่ตอบอะไรไป
   ตัดสินใจว่าแค่ส่งยิ้มเงียบๆ กลับไปเป็นคำตอบ

      “เอ่อ….”

   ยิ้ม

      “คือว่า….”

   ยิ้มม~

      “ลิลลี่ ฉันว่าฉันเข้าใจแล้ว~ เรื่องเล่านั่นน่ะเป็นเรื่องจริง จริงๆ ด้วยล่ะ~”

      “เอ๊ะ? เข้าใจว่าอะไรเหรอ? บอกหน่อย? ”

      “สมัยที่พวกเรายังอยู่เมืองหลวง แล้วมีคนบ้านข้างๆ เล่าเรื่องฟังดูหลุดโลกให้ฟังน่ะ~ จำได้มั้ย~? ”

      “เอ๊ะ? เรื่องไหนนะ? มีหลายเรื่องซะด้วยสิ”

      “ที่ว่า คนสวยเค้าไม่ต้องเข้าห้องน้ำกันหรอก 1ไง”
[1 真の美少女はトイレになんて行かない : คนสวยที่แท้จริงเค้าไม่เข้าห้องน้ำกันหรอก]

      “อะ...เอ๋? ”

      “ช่าย ตัวอย่างมีให้เห็นตรงหน้านี่แล้วไง เพราะงั้นเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงสินะ~”

      “เอ๋~!? ไม่น่าใช่เหตุผลบ้าๆ แบบนั้นนะ  ”

      “แต่คนสวยที่ว่านั่น ก็อยู่ตรงนี้แล้วงาย~”

   นั่นเรียกว่าเหตุผลได้ด้วยเรอะ! แต่ก็ไม่ตอบโต้อะไรหรอกนะ ยิ้มเงียบๆ อยู่แบบเดิมนั่นแหละ



      “…...เดี๋ยวๆ ไม่น่าใช่ละ ที่ถามเนี่ย เพราะเห็นว่าเป็นคุณเร็น เลยมั่นใจว่าน่าจะมีวิธีหลุดโลกซ่อนอยู่ต่างหาก ”

      “ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ แต่ในเมื่อเราไม่รู้ว่าทำได้ยังไง ก็ปฏิเสธเรื่องเล่านั่นไม่ได้เพราะงั้นอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ใช่มั้ยล่า~”

      “อ่ะ! แต่ว่าเห็นเดินเข้าห้องน้ำอยู่บ้างสมัยอยู่ที่โรงแรมไม่ใช่เหรอ!? ”

      “นั่นอาจจะแค่บังหน้ารึเปล่านะ~”



   ก็ตั้งแต่ได้สกิล【ทักษะการควบคุมกายา】มาก็ไม่ได้เข้าห้องน้ำอีกเลยล่ะ เพราะไม่ต้องห่วงเรื่องกล้ามเนื้อหูรูดอ่อนแรงแล้วน่ะนะ

      “......”

      “......”

   ฉันได้แค่ยิ้มเงียบๆ อยู่เช่นเดิม ทั้งรถตกอยู่ในภวัง ดูท่าสองคนนี้จะเลิกคิดหาคำตอบไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีแล้วล่ะมั้งนะ?
   หลังจากเดินทางมาจนถึงช่วงเย็น พวกเราก็แวะตั้งแคมป์ที่ลานพักแรมที่เจอ และดูเหมือนสองสาวจะเริ่มคุ้นชินกับอาหารที่เป็นรสมือของฉันบ้างแล้ว จึงใช้เวลาเพื่อสนทนาพูดคุยกันมากขึ้นกว่าเดิมแทนที่จะตั้งหน้าตั้งตาทานกันเงียบๆ
   ส่วนเมนูวันนี้เป็นอุด้ง แต่ไม่ใช่ซุปไก่เหมือนคราวก่อน หนนี้ฉันลองทำเป็นซุปสาหร่ายคมบุสไตล์คันไซ1ดู รสชาติบางๆ ใสๆ แบบนี้จะถูกปากกันมั้ยนะ...
[1 関西(Kansai) : ภูมิภาคตะวันตกของญี่ปุ่น]

      “ซุปเที่ยวก่อนหน้านี้ก็ว่าอร่อยแล้วนะ แต่คราวนี้รสมันต่างออกไปล่ะ จะพูดยังไงดีล่ะ มันทำให้รสชาติของเส้นเด่นออกมาเลยล่ะ...ว่าแต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ารสชาติของแป้งสาลีจะอร่อยขนาดนี้น่ะ”

      “ชั่วร้ายมากเลยลิลลี่ ได้กินอะไรแบบนั้นมาก่อนหน้าด้วย ขอโทษฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ~”

      “เอ๋!? ไหงงั้นล่ะ!? ”

   รสชาติของอุด้งมันล้ำลึกมากเลย…...เที่ยวหน้าลองใช้น้ำซุปปลาโบนิโตะตากแห้งดูดีมั้ยนะ? อ่า แต่ก่อนอื่นอยากทานโซบะด้วยอ่ะ  แถมยังทำเส้นมารอไว้แล้วด้วย
   วันถัดมา พวกก็ยังเราเดินทางกันด้วยความสดใสเหมือนเช่นเดิม และถึงหมู่บ้านฟาร์มไก่ที่คุณนิโคลเคยเอ่ยถึงในช่วงกลางวันของวันนั้น
   เอาจริงๆ ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อของที่เมืองหลวงทั้งหมด ฉันก็ไม่มีธุระอะไรกับเมืองนี้แล้วล่ะ แต่ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว ขอดูให้ทั่วๆ หน่อยก็คงไม่เป็นไรมั้ง? แล้วก็ถ้าสามารถหาซื้อไข่ได้ ก็อยากที่จะซื้อไปเลยล่ะนะ
 
   โดยก่อนหน้าที่จะเข้าเขตหมู่บ้าน ฉันขึ้นมานั่งที่นั่งพลขับ แทนที่พลขับปลอมที่เก็บลงไป พร้อมทั้งหันรีหันขวาง สังเกตการณ์ไปทั่วหมู่บ้าน
   เพราะว่าถ้ามาเพ่งดูใกล้ๆ ก็จะรู้เลยว่าพลขับหมวกฟางนี่ไม่ใช่คน แล้วก็ถ้าไปเข้าพักที่โรงแรมก็อาจจะวุ่นวายเรื่องจำนวนคนอีก ฉันไม่อยากให้มีเรื่องยุ่งๆ ต้องตามแก้ รังแต่ทำให้เด่นซะเปล่าๆ
   แต่ว่านะ ตอนนี้คุณลิลลี่และอาริสะนั้น กำลังออกไปเดินหาที่พักในหมู่บ้านอยู่ล่ะ

   ฉันนั่งอยู่โยงเฝ้ารถกับเบลที่ตอนนี้กำลังนอนหงายอยู่ข้างๆ ขณะที่มองไปรอบๆ เก็บข้อมูลอยู่ ก็พบกับกลุ่มคนกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ลานกว้างข้างหน้า ทำอะไรกันอยู่นะ?......งานเทศกาลเหรอ? อยากเข้าไปดูจัง  แต่ตอนนี้ไปไหนไม่ได้จนกว่าสองคนนั้นจะกลับมาง่ะ……
   อ่ะ มีคนเดินออกมาจากลานกว้างนั่นด้วย ลองถามดูสักหน่อยคงไม่เสียหายอะไรเนอะ

      “ขอโทษนะคะ ลานข้างหน้านั่นดูคึกคักดี มีงานอะไรกันเหรอคะ?”

      “อื๋อ? เธอเป็นคนต่างถิ่นสินะ? ที่เห็นวุ่นวายกันอยู่โน่นเป็นการประกวดแข่งทำอาหาร ที่พวกพ่อค้าจัดน่ะ”

      “ประกวดแข่งทำอาหาร? ที่จัดโดยพ่อค้างั้นหรือคะ? ”

      “อ่าา ก็เพราะว่าก่อนหน้านี้มีเรื่องหลายๆ อย่างเกิดขึ้นน่ะนะ เลยทำให้ไข่มีไม่มากพอที่จะขายให้ทุกคนได้ พ่อค้าคนที่ทำหน้าที่รับซื้อขายไข่ในหมู่บ้าน เลยตัดสินใจที่จะเลือกขายให้โดยตัดสินจากอาหารจานไข่ที่ทำน่ะ แล้วยังบอกอีกว่า ไม่ขายให้กับคนที่ไม่รู้จักไข่ดีพอหรอกนะ! อะไรประมาณนั่นน่ะ”

      “หื้มม อย่างนี้นี่เอง...”

      “เรื่องมันอาจจะฟังดูไร้สาระไปหน่อย แต่พวกเราเข้าใจสิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านต้องการจะบอกนะ ไหนๆ ก็จะขายแล้ว ก็ขายให้กับคนที่รู้จักสิ่งที่ตัวเองกำลังทำดีกว่า”

   ทำอาหารเหรอ…...อืมม

      “เอ่อ ถ้าไม่ได้เป็นพ่อค้า จะสามารถเข้าร่วมแข่งขันได้มั้ยคะ? ”

      “อื๋อ? เธอจะลงแข่งด้วยเหรอ? ไม่อ่ะ ไม่คิดว่าจะมีกฏเกณฑ์อะไรแบบนั้นกำหนดไว้ เพราะงั้นน่าจะไม่เป็นไรหรอก”

      “นั่นสินะคะ…...อ่ะ เห็นว่าให้ใช้ไข่ทำอาหาร แต่ว่าจะเป็นไรมั้ยคะ ถ้าไม่ได้ใช้ไข่เป็นวัตถุดิบหลักน่ะค่ะ? ”

      “ไม่เลย ไม่จำเป็นเลย ตราบใดที่ใช้ไข่ ก็ไม่เป็นไรแล้ว แต่ถ้าไม่ได้ใช้ไข่เป็นวัตถุดิบหลักก็อาจจะยากหน่อย หรือว่าจะนำเสนออาหารใหม่ที่ไม่เคยเห็นงั้นเหรอ? ”

   อย่างนี้นี่เอง ถ้าเป็นอย่างที่ว่าก็น่าจะพอมีช่องให้เสียบลงไปได้สินะ เพราะงั้นลุยกันเถอะ








Comments

  1. ค้างงงงงงง.... ส่งตอนใหม่มาเด่วนี้!!!! น้ำยายไหย....

    ReplyDelete
  2. This comment has been removed by the author.

    ReplyDelete
  3. ไอ้ความเชื่อแบบผู้นำคอมมี่ นั้นมันอะไร ท่านผู้นำเค้าไม่เข้าห้องน้ำกันหรอก !!

    ReplyDelete

Post a Comment