049 - ทำนู่นนี่นั่น และผลสะท้อนของการป้อนข้าวไปทั่วอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังล่ะค่ะ
เอาเป็นว่า ไว้ค่อยไปเจอพวกเด็กๆ วันพรุ่งนี้ดีมั้ยนะー? เพราะงั้นแล้ว วันนี้ตรงกลับโรงแรมเลยดีกว่า พอดีว่ามีของหลายๆ อย่างที่อยากจะทำด้วยล่ะนะ
ขณะที่กลับมาถึงโรงแรม คุณอาริสะก็เดินเข้ามาต้อนรับ ทั้งที่ปกติแล้วจะเป็นคุณลิลลี่ ไปอยู่ไหนซะแล้วล่ะ? เมื่อกลางวันไปหาคุณซาเลน่านี่นา อาจจะลาไปทั้งวันเลยล่ะมั้ง?
แต่พอไตร่ถามเอาจากคุณอาริสะก็ได้ความมาว่า คุณลิลลี่ไม่ได้ลางานหรอก ควรจะทำงานไปตามปกตินั่นล่ะ แต่ว่าหลังจากที่กลับมาจากการออกไปทานมื้อเที่ยงแล้วก็ท่าทางแปลกไป ทำอะไรดูยืดยาดหมดสภาพไปแล้ว….ขอโทษนะคะ เค้าผิดเองแหละ
คุณอาริสะน่าจะต้องพอรู้อะไรมาบ้างแน่ๆ หรืออย่างน้อยฉันก็คิดว่ารู้น่ะนะ…...เพราะว่าทางนี้กำลังโดนจ้องด้วยสายตาหวานๆ แต่ดันแฝงรังสีจับผิดเบาๆ ใส่ มาตั้งแต่เมื่อตะกี้แล้วยังไงล่ะ แต่ก็ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วรีบแจ้นหนีแจ้นกลับขึ้นห้องไป
พอกลับขึ้นมาบนห้องแล้วนั่งพักหายใจ พลางตัดสินใจว่าจะเอาไงกับชีวิตต่อดี ตามปกติแล้วฉันจะเลือกเวลาอาบน้ำให้เร็วกว่า หรือช้ากว่าช่วงเวลาไพรม์ที่คนแออัด แต่ถ้าจะเข้าไปอาบตอนนี้เลยก็จะเร็วเกินไปมาก และก็ยังไม่ใช่เวลาที่จะลงไปทานมื้อเย็นด้วย แถมวันนี้ถ้าลงไปเร็ว ปัญหาที่รออยู่ประดังประเดมาแน่ๆ เพราะงั้นลงไปดึกหน่อยคงจะดีกว่า? เอาล่ะ ตามนั้นแหละเนอะ
ในเมื่อเลือกทางนั้นก็จะมีเวลาเหลือเยอะ ฉันเลยตัดสินใจผลาญเวลาที่มีไปกับการทำสิ่งของต่างๆ ที่คิดแผนไว้
ในเมื่อตอนนี้มีข้าวสารแล้ว เลยคิดว่าจะหมักสาเกกับมิริน1ก่อนเป็นอันดับแรกๆ เพราะว่าทั้งสองสิ่งนี้เป็นวัตถุดิบสำหรับการปรุงอาหารที่ขาดไม่ได้ ขนาดกุ้งผัดซอสพริกที่เพิ่งทำไป ยังต้องใช้สาเกเป็นส่วนประกอบเลย ด้วยว่าเนื้อกุ้งนั้น หากหมักด้วยสาเกก่อนจะทำให้รสสัมผัสของเนื้อมีความนุ่มละมุนมากขึ้น
[1 みりん(มิริน) : เหล้าสำหรับปรุงอาหารค่ะ มีรสหวานแหลม แทบจะใช้แทนน้ำตาลในอาหารคาวของญี่ปุ่นได้เลย ]
ฉันนำเอาส่าเหล้าที่หมักจากข้าวสารเอาไว้ก่อนหน้าออกมา แล้วก็เริ่มลงมือหมักสาเกก่อน แต่ว่ากลิ่นของเจ้านี่มันน่ามึนหัวจริงๆ นะ แถมยังแรงอีกต่างหาก เพราะงั้นต้องระวังอย่าให้กลิ่นเจ้ากรรมนี่ เล็ดลอดออกไปจากห้องเชียว
ว่าแต่ สาเกเหรอ....อยากดื่มอ่ะ อยากดื่มมากๆ เลยอ่ะ
เพราะว่าชาติก่อนฉันเป็นพวกชอบดื่มที่สุดเลยน่ะสิ! ชอบดื่มที่สุดเลยล่ะ! ที่พูดสองหนนี่ เพราะอยากย้ำว่าเป็นเรื่องซีเรียสจริงๆ นะ
ในโลกใบนี้ จะบรรลุนิติภาวะ นับว่าเป็นผู้ใหญ่เมื่ออายุครบ 15 ปี เพราะงั้นก็จะสามารถดื่มเหล้าได้ก็ด้วยอายุเท่านั้นนั่นแหละ แต่ว่าตอนนี้ฉันน่ะ เพิ่งจะ 11 ปีไปไม่นาน เพราะงั้นก็ยังเร็วเกินไปที่จะสามารถดื่มเหล้าได้ ดังนั้นต้องอดทนเอาไว้ล่ะนะ อดทน...
แต่ว่านะ ถึงฉันจะยังเป็นผู้เยาว์อยู่ก็เถอะ แต่ถ้าริจะดื่มก็ไม่มีใครมาว่าอะไรหรอก ก็โลกนี้ไม่มีกฏอะไรมาห้ามนี่นา แต่ก็อย่างว่า ให้นึกภาพเด็กผู้หญิงอายุ 11 ยกเหล้าขึ้นกระดกอึกๆ นี่ ใครเห็นก็คงหน้าเบ้ มีคิ้วย่นไปตามๆ กัน
ที่ผ่านมาฉันเคยซื้อไวน์อยู่ ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาอะไร แต่ที่ซื้อนั่นเพื่อเอามาปรุงอาหารนะ หลังจากที่หมักสาเกแล้ว ฉันก็ลงมือหมักเบียร์ต่อ เผื่อว่าจะได้เก็บไว้ดื่มในอนาคต ส่วนวัตถุดิบนั้นไม่เป็นปัญหา เพราะที่ผ่านมาถึงขนาดว่าสามารถเก็บเกี่ยวดอกฮ๊อป1ได้มากพอ ที่จะเอาไปขายหมอยาเพื่อเอาไปใช้เป็นยาแก้ปวดท้องได้เลย นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะหมักวิสกี้กับบรั่นดีเพิ่มอีก แต่นั้นคงต้องไว้หนหน้า เพราะวันนี้เวลาคงไม่พอ
[1 ホップ(Hob) : ฮ๊อป เป็นไม้เลื้อยชนิดหนึ่ง ดอกมีรสขม และเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับการหมักเบียร์เพื่อไม่ให้เบียร์บูด ด้วยว่าดอกของมันมีฤทธิ์เป็นสารกันบูดธรรมชาติ เครดิตรูปภาพ : https://en.wikipedia.org/wiki/Humulus_lupulus]
อือออ อยากดื่มจังน้า......แต่ก็ต้องอดทนไว้ แต่ว่านะ ทำอาหารเนี่ยมันก็ต้องชิมใช่มะ นี่เพราะไม่มีทางเลือกหรอกนะ คึคึคึ !
เอาล่ะ กลับมาตั้งสติก่อน ว่าแต่ทำอะไรต่อดีน้า? อุด้ง? อ๊ะ ในเมื่อได้แป้งบัควีทมาก็ทำเส้นโซบะได้แล้วนี่นา เพราะงั้นก็ทำเส้นโซบะด้วยการนวดแป้งสินะ... เอ้านวดค่ะนวด
พูดถึงอาหารประเภทเส้นแล้ว อยากทานพาสต้าง่ะ เพราะงั้นเดี๋ยวก็ทำเส้นพาสต้าต่อเลยดีกว่า หลังจากทำเส้นแบบยาวเสร็จแล้ว ก็ต่อด้วยเส้นแบบสั้น หลังจากที่วางแผนเสร็จสรรพ ก็คิดได้ว่า ซอสพาสต้าคงต้องไว้ทีหลัง เพราะว่ากลิ่นมันคงจะแรงเกินไป ไม่ควรที่จะทำในห้อง
พอคิดถึงอาหารกลิ่นแรง นี่ควรลองทำแกงกะหรี่ดูดีมั้ยนะ อุตส่าห์สรรหาเครื่องเทศมาได้ตั้งขนาดนี้ เพราะงั้นก็น่าที่จะทำได้แล้วล่ะมั้ง รู้แหละว่ามันไม่ง่ายหรอกนะ
ว่าแต่ สมดุลของสิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้มันพิลึกกึกกือยังไงก็ไม่รู้
ถึงแม้ว่าจะมีโชวยุ กับมิโสะ แต่กลับมีสูตรอาหารไม่กี่อย่างที่ใช้เจ้าพวกนี้เป็นวัตถุดิบ แถมพวกเทคนิคการทำก็บิดๆ เบี้ยวๆ ยังไงพิกล บางที อาจจะมีพ่อครัวเป็นผู้กลับชาติมาเกิดในโลกใบนี้มาก่อน แล้วก็มีความเป็นไปได้ว่าเจ้าความไม่สมดุลทั้งหลายเหล่านี้ คงจะได้รับอิทธิพลจากผู้กลับชาติมาเกิดพวกนั้นก็ได้ใช่มะ?
ถ้ามานั่งจารนัยดูดีๆ จากเงื่อนไขต่างๆ ที่ประสบพบเจอมา โดยเฉพาะไอ้คุณพ่อครัวที่โรงแรม สรุปได้ว่า...ถ้าไม่อยากให้เกิดความโกลาหล ฉันไม่ควรเอาแกงกะหรี่ให้ใครก็ตามได้ลองกินเด็ดขาดล่ะ
จะว่าไปแล้ว โลกนี้มีซุปคอนซอมเม่1อยู่หรือเปล่านะ คอนซอมเม่น่ะ นับว่าเป็น หนึ่งในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของอาหารตะวันตก เลยเชียว ถ้าจำไม่ผิดฉันยังไม่เคยเห็นโรงแรมนี้เสิร์ฟคอนซอมเม่เลย บางที ถ้าไปตามร้านอาหารของชนชั้นสูงอาจจะหาทานได้ก็ได้ แต่ปัญหาก็คือฉันยังไม่มีโอกาสได้ไปตามร้านที่ว่า เลยยังไม่สามารถฟันธงได้ล่ะนะ
[1 コンソメスープ(ConsommeSoup) : ซุปใสแบบฝรั่ง เป็นการโยนทุกอย่างลงไปต้ม แล้วคอยโกยฟองและน้ำมันออก จากนั้นก็ใช้ผ้ากรองกากเพื่อให้ใส เครดิตรูปภาพ : https://www.thespruceeats.com/what-is-consomme-995766]
ฉันเอาของกินให้คุณลิลลี่กับคุณซาเลน่าตั้งมากมายโดยไม่ได้คิดอะไรเลย นี่อาจจะรวมไปถึงเรื่องการสอนสิ่งต่างๆ ให้พวกเด็กๆ ด้วย พอมีเวลาใจเย็นๆ มาคิดดูแล้ว ทำแบบนั้นอาจจะเป็นการสร้างปัญหาในภายหลังก็ได้ นี่มันจะเลินเล่อเกินไปแล้ว ต่อจากนี้ต้องระวังให้มากกว่านี้แล้วล่ะนะ
ฉันน่ะ ภายในเป็นผู้ใหญ่มากกว่าสังขารที่เห็นภายนอกมาก เป็นผลจากการที่มีความทรงจำจากชาติที่แล้ว ซึ่งมันก็ทำให้เกิดความต่าง เกิดความความเหลื่อมล้ำจาก ความทรงจำของชาติก่อน กับความตระหนักรู้ของร่างกายที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ซึ่งนั่นน่ะเป็นสิ่งที่ตระหนักและเข้าใจดีอยู่แล้ว
ทำอะไรไม่ได้นอกจากคิดให้หนักขึ้น และต่อไปภายภาคหน้าให้ระวังสินะ ฉันทำอาหารไปด้วยพลางคิดเรื่องยุ่งๆ พวกนี้ไปด้วย พอคิดได้ว่าถึงขั้นตอนที่ต้องทำการปรุงรสชาติก็ปล่อยเรื่องยากๆ พวกนั้นออกไป แล้วกลับมาเพ่งสมาธิที่การเตรียมอาหารต่อ การปรุงแต่งรสในอาหารเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องอย่าให้กลิ่นหรือรสชาติแรงเกินไป มารู้สึกตัวอีกทีก็เลยเวลากินมื้อค่ำตามปกติไปเล็กน้อยแล้ว
อืมมー ลงไปหาอะไรทานตอนนี้คงไม่เป็นไรแล้วล่ะมั้ง? คนคงไม่แออัดอะไรมากมายแล้ว เพราะว่ามันพ้นช่วงไพร์มไทม์ไปแล้วแล้วล่ะ…
พอคิดอะไรแบบนั้น อยู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ใครล่ะนั่น?
พอเปิดประตูก็พบคุณอาริสะยืนอยู่ พร้อมกับถาดอาหารในมือ ดูเหมือนว่าเธอจะขึ้นมาดู ด้วยว่าห่วงที่ฉันไม่ได้ลงไปทานมื้อค่ำที่แคนทีนเหมือนปกติ
ฉันรับถาดมาวางไว้ในห้อง ทานข้าวคนเดียวในห้องมันเหงานะ
"แหม~ คิดว่าหลับอยู่ซะอีกค่ะ~ เห็นไม่ลงมาหาอะไรกินข้างล่าง~"
"อา ดิฉันแค่กังวลว่าข้างล่างอาจจะกำลังวุ่นวายกันอยู่น่ะค่ะ"
"อย่างนี้นี่เอง~ จะว่าไปก็กำลังวุ่นวายกันอยู่จริงๆ นั่นล่ะ~ จริงๆแล้ว ก็มีคนดักรอคุณเร็นอยู่ข้างล่างเลยล่ะน้า~ คิดถูกแล้วล่ะที่ไม่ลงไปน่ะ~ "
เท่าที่ฟังดู เหมือนกับว่าแม้แต่ตอนนี้ก็ยังมีคนซุ่มดักรออยู่ที่แคนทีนเลย นี่มันอาจจะทำให้ฉันไม่สามารถนั่งทานข้านอย่างสงบสุขที่แคนทีนข้างล่างได้อีกแล้วใช่มะ
"ถ้ามีฉันกับลิลี่อยู่ด้วยล่ะก็ เดี๋ยวช่วยกันออกไปให้เอง~ ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ~"
ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ ฉันหยิบเอาเยลลี่ยื่นส่งให้เป็นการตอบแทน ทางนั้นก็รับไปด้วยอาการดีใจลิงโลด พร้อมกับบอกว่าเดี๋ยวเก็บไว้ทานที่ห้อง หลังจากที่ทานมื้อค่ำเสร็จแล้ว อื้ม รีแอคชั่นน่าร๊ากー
อ๊ะ เพิ่งตัดสินใจว่า ต่อไปจะระวังให้มากกว่านี้ ไปเองนี่หว่า ฉันนี่น้า.....
หลังจากนั้น ฉันที่รวบรวมสติสตังได้แล้วก็ลงไปอาบน้ำ แล้วก็เข้านอน เพิ่มเติมคือ นอนบน เตียงของฉัน นะ....ใช่ เตียงของฉันที่สร้างเองนั่นแหละ ฉันเก็บเตียงของทางโรงแรมลงไป แล้วเอาเตียงที่ฉันสร้างเองออกมาวางแทนแล้วค่อยนอนน่ะ
หรือแทนที่จะเรียกเจ้าสิ่งนั้นว่าเตียง ควรจะเรียกว่าตั่งหรือแท่นปะรำเสียมากกว่า ก็เล่นแข็งซะขนาดนั้น
วันที่กลับมาถึงโรงแรมวันแรกนั่นเพราะเหนื่อยหรอกนะ เลยหลับลงได้ แต่ก็ทำให้พบว่าตื่นมาวันนี้แล้วปวดหลังแบบสุดๆ เลยตัดสินใจว่าจะไม่นอนบนเตียงบ้านี่อีกแล้ว มาคิดดูแล้ว ติดหรูนี่มันไม่ดีเลยนะ......
เตียงที่นอนอยู่หลังนี้ไม่ใช่เตียงหลักในห้องนอนในบ้านหรอกนะ แต่เป็นเตียงในห้องนอนแขก เพราะว่าเตียงในห้องนอนเป็นคิงไซส์ ไม่มีทางวางลงในห้องนี้ได้แน่ๆ ห้องที่อยู่นี่เป็นห้องขนาดแค่หนึ่งคน บางทีก็คิดนะว่าจะสร้างให้มันใหญ่โตมโหฬารอะไรขนาดนั้น......แต่ก็นะ คำตอบมันชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว ก็มันนอนสบายกว่านี่นา
นี่ก็โอ้เอ้มาหลายต่อหลายวันแล้ว คิดว่าพรุ่งนี้คงต้องออกไปเก็บสมุนไพรได้แล้วสินะ? จากนั้นฉันก็ผลอยหลับเข้าสู่นิทราไป
TL note : ขนาดแค่คัทสึแซนวิชยังแทบจะฆ่าแกงกัน ถ้าแกงกะหรี่นี่ไม่เกิดสงครามเลยเหรอ
TL note2 : "แกงกะหรี่ต้อง House สิ !!"
บันเทิงจริงๆ ตอนนี้ เย็นนี้หาไรกินดีนะ อ่านจบแล้ว <3
ReplyDeleteThis comment has been removed by the author.
ReplyDelete