036 - ขยะแขยง





   เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ฉันออกมาจากโรงแรม ก็พบเข้ากับเนลที่ยืนดักรออยู่ โอ๊ย ให้ตายเหอะ…….

   “โอ้ ในที่สุดก็ออกมาแล้วสินะ”

   ฉันไม่โต้ตอบใดๆ กลับไป
   เพิกเฉยคือนโยบายหลักในตอนนี้

   “นี่ー แค่อยากขอคุยด้วยอีกหน่อยน่ะได้มั้ย?”

   ไม่คุยโว้ย

   “เฮ้ย อย่าเมินกันสิ!”

   “ขอโทษด้วย ดิฉันกำลังรีบค่ะ”

   ฉันรีบเดินหนีโดยไม่ทิ้งถ้อยคำใดๆไว้อีก แม้แต่โนรุนก็ยังเมินตามฉันไปด้วย แม้แต่กลุ่มคนที่ติดสอยห้อยตามเนลก็ได้แต่ยืนมองเงียบๆ โดยไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา คงเพราะด้วยมาตรการเพิกเฉยที่ฉันทำอยู่

   แต่ถึงอย่างนั้น เนลก็ยังคงเกาะติด ตามตื้อ เรียกร้องความสนใจและพยายามแสดงตัวอย่างไม่ลดละ จนถึงขั้นที่เรียกว่า น่ารังเกียจ
   ปากก็พร่ำพรรณาว่าที่เธอต้องระเห็จออกจากป่านั้น เป็นความผิดของตน เพราะฉะนั้นจึงต้องเป็นความรับผิดชอบของตนที่ต้องคอยดูแลเธอต่อจากนี้ และถ้าเธอมีปัญหาใดๆ ก็ขอให้บอก ตนจะช่วยทุกอย่างอย่างสุดความสามารถ เป็นแผ่นเสียงตกร่องวนอยู่นั้นอย่างไม่จบสิ้น
   ฉันไม่เข้าใจเลยซักนิด ว่าจะพล่ามเรื่องพวกนี้ทำไม

   “เข้าใจแล้ว ตอนนี้มีเรื่องเดียวที่กวนใจดิฉันอยู่ ช่วยจัดการให้ด้วยนะคะ”

   “ได้เลย! เรื่องอะไรล่ะ !? เราจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เลย! ”

   “อย่างแน่นอนเลยใช่มั้ยคะ? ”

   “แน่นอนเลย! ”

   “งั้น ขณะนี้ฉันกำลังถูกรบกวนตามตื้อโดยคนแปลกๆ อยู่ รบกวนช่วยทำอะไรซักอย่างให้ด้วยนะคะ”

   “......”

   นิ่งไปแล้ว… ดูเหมือนจะเข้าใจและรู้สึกตัวซักทีนะ ว่ามันน่ารำคาญขนาดไหน
   ดูเหมือนจะจบแล้วสินะ ฉันคิดดังนั้นจึงเดินทางออกจากเมือง ทิ้งกลุ่มคนน่ารำคาญพวกนั้นไว้ และหลังจากที่รวมรวบตัวพวกเด็กๆ ได้พร้อมหน้าแล้ว คณะจึงมุ่งหน้าออกเดินทางไปพื้นที่ลำธารทางตะวันออกเฉียงเหนือ อันที่เป็นพื้นที่ประจำของพวกเรา
   แต่เมื่อหันเหลือบไปมองอีกที เจ้ากลุ่มคนขี้ปลาทองน่ารำคาญพวกนั้นกลับตามติดออกมา เป็นอะไรมากป่ะเนี่ย? จะทำตัวน่าขยะแขยงไปถึงไหน…….

   เมื่อเดินทางไปถึงพื้นที่เป้าหมาย ที่ต้นพลัมขึ้นอยู่ เด็กๆก็แยกย้ายกันออกไป บ้างก็เก็บสมุนไพร บ้างก็เก็บลูกพลัมและพืชดอกที่ทานได้ประหนึ่งวางแผนกันมา ส่วนปลาน่ะ เอาไว้ก่อน…...ไม่สิ อาจจะยังไม่จับ ด้วยว่ามีกลุ่มคนไม่พึงประสงค์ติดมาด้วย ก็ไม่อยากแบไต๋ให้เห็นหรอกนะว่าพวกเราทำอะไรกันบ้าง

   ขณะที่พวกเราทำงานกันอยู่อย่างขมักเขม้น ออร์คตนหนึ่งก็โผล่ออกมา แต่ก็โดนคุณโนรุนล้มในทันที จากนั้น...ถ้าจำไม่ผิดคนนั้นรู้สึกจะชื่อโครี่? ก็พูดอะไรแปลกๆ ออกมา

   “เรามาในฐานะเป็นคนคุ้มกันใช่มะ? เพราะงั้นซากออร์คนั่นก็ต้องแบ่งกันใช่ป่ะ? ”

   “เอ๋? เพราะงั้นวันนี้ก็จะได้กินเนื้อน่ะสิ ดีจังเลย! ”

   “ไม่ใช่ เข้าใจผิดแล้ว…...”

   “ทำไมล่ะ เรามาเป็นคนคุ้มกันให้เด็กนั่นไม่ใช่เหรอ?”

   “ไม่ๆ อย่าเข้าใจผิดแบบนั้น ”

   ฉันไม่ได้มีความคิดจะแบ่งให้แม้แต่นิดเดียว แล้วก็ ที่ว่าเป็นคนคุ้มกันนั่นหมายความว่าอะไร? ไม่ได้ร้องขอสักหน่อย
   นั่นแปลว่าจะขโมยเหยื่อโดยการพูดเองเออเอง อ้างว่าตัวเองเป็นคนคุ้มกันสินะ…...นี่มันจะต่ำตมไปถึงไหน จะรับมือกับคนหน้าด้านพวกนี้ ก็เห็นจะมีแต่ต้องพูดปฏิเสธออกไปตรงๆ ชัดๆ สินะ แล้วก็ต้องคิดถึงเรื่องการร้องเรียนเรื่องนี้กับหัวหน้ากิลด์เมื่อกลับเข้าเมืองเอาไว้ด้วย

   “งั้น…...แปลว่าวันนี้พวกเราจะกลับไปโดยไม่ได้อะไรติดมือกลับไปเลยอ่ะเหรอ?”

   “อาー งั้นเราควรเก็บสมุนไพรกลับไปบ้างดีมั้ย?”

   “นั่นสินะ เอาตามนั้นละกันเนอะ”

   “.........”

   เอาจริงน่ะ? นี่จะแย่งที่ทำกินของพวกเด็กๆ ที่แรงค์ต่ำกว่าจริงๆ เหรอ
   ผู้ชายคนที่มาด้วย ที่พร่ำปฏิเสธยัยสองคนนั้นตั้งแต่เมื่อกี้ ก็ปั้นหน้ายากยืนเงียบไปแล้ว เดาว่าคนๆ นี้น่าจะเป็นคนเดียวในคณะ ที่ยังพอมีสามัญสำนึกอยู่บ้าง เพราะงั้นชีวิตหมอนี่คงเหนื่อยน่าดู
   ส่วนเจ้าเนลน่ะเหรอ? ยืนเงียบจ้องมาแต่ที่ฉันมาซักพักแล้ว น่าขยะแขยงชะมัด

   เมื่อเวลาล่วงเข้าช่วงบ่ายที่เป็นเวลาพักทานข้าว ฉันเรียกชุดตั้งแคมป์ออกมาเพื่อเตรียมมื้อเที่ยง
   เร็วๆ ที่ผ่านมานี้ ฉันเริ่มปรุงอาหารเผื่อพวกเด็กๆ ด้วย ส่วนพวกเด็กๆ เองก็ไม่งอมืองอเท้า ต่างช่วยกันหาวัตถุดิบมาตอบแทน ซึ่ง ณ จุดๆ นี้ ฉันซึ่งเต็มใจทำเพื่อพวกเขาอยู่แล้ว ก็ไม่ได้คิดมากอะไรหรอกนะ

   วันนี้ทำอะไรดีนะ? อา..ใช่แล้ว เนื้อออร์คที่โนรุนเพิ่งล่ามาได้ไง ส่วนวัตถุดิบที่พวกเด็กๆเอามาให้วันนี้คือมันฝรั่ง แล้วก็ยังมีพวกพืชที่กินได้ที่เพิ่งหามาได้เร็วๆ นี้อีก งั้นเอาเป็นยาไซอิตาเมะ1ดีมั้ยนะ? ปรุงด้วยเกลือ - พริกไทย แล้วก็ถ้าทำให้เผ็ดกว่าปกตินิดหน่อยคงเข้าท่านะ
[1 野菜炒め(Yasaiitame) : ยาไซอิตาเมะ คือผัดผักแบบญี่ปุ่นค่ะ ด้วยเครื่องปรุงนั้นต่างกับผักผัดร้านตามสั่งของไทย จึงทำให้รสชาติต่างกันพอสมควร ลองไปสั่งทานได้ที่ฮะจิบังนะคะ ]


   ในเมื่อต้องทานกันหลายคน ฉันจึงทำในปริมาณที่มากพอดู พวกเด็กก็รวมตัวกันเฝ้ามอง แลดูคล้ายกับว่าจะมีระยิบยับออกมาจากดวงตาอย่างคาดหวัง หลังๆ มานี้ฉันสปอยพวกเธอมากเกินไปรึเปล่า ขอโทษนะ…

   …...อีกเรื่องที่กำลังรบกวนจิตใจอยู่ตอนนี้ก็คือ พวกแกจะมาร่วมกินด้วยรึยังไงไม่ทราบ? ไม่มีส่วนของพวกแกหรอกนะ
   และอยู่ๆ เด็กโครี่ก็โมโหขึ้นมาด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง

   “นี่! พวกเรามาเป็นคนคุ้มกันให้กับเธอนะ! หมายความว่ายังไงที่พวกเราจะไม่ได้ปันส่วนแบ่งอาหารเลยน่ะ? ”

   “ไม่ได้มีใครขอตั้งแต่แรกนี่คะ แล้วก็ ที่พวกคุณทำคือแค่เดินตามฉันมาเฉยๆ นอกจากนั้น วัตถุดิบพวกนี้ก็ได้มาจากเด็กๆ ที่ทำงานหนักเลือดตาแทบกระเด็นเพื่อหามันมา นี่นอกจากตามมาเองโดยอำเภอใจ แล้วก็ยังจะมาเอาอาหารของพวกเราไปอีกโดยไม่ได้ขอ….นักผจญภัยแรงค์ D เค้าทำตัวกันแบบนี้เองงั้นเหรอคะ? ”

   “นั่นน่ะ…...”

   โครี่ที่กำลังหน้าแดง ปากพะงาบๆ แต่ไร้ซุ่มเสียงออกมาเหมือนกับว่าจะสรรหาคำพูดมาเถียงไม่ออก ชายคนที่ดูมีสามัญสำนึกที่สุดในกลุ่มคนนั้นจึงมาดึงตัวเธอออกไป แล้วก็เริ่มอธิบายหรือจะเรียกว่าเทศนาโครี่อย่างขุ่นเคืองก็ไม่อาจทราบได้
   จากนั้นไม่นานก็ดูเหมือนสาวเจ้าปัญหาก็เข้าใจ แต่ท่าทางไม่อาจทำใจให้ยอมรับได้ แล้วก็นั่งกินอาหารแห้งที่พกมาด้วยอย่างขุ่นเคือง ในขณะที่เนลนั้นก็ยังคงมองมาที่ฉันเงียบๆ ด้วยสายตาที่น่าขยะแขยงเหมือนเดิม

   หลังจากที่จบมื้อเที่ยง พวกเราก็แยกย้ายกันเก็บสมุนไพรกันต่อเช่นเดิม และพอถึงเวลา พวกเราก็รวมตัวกันเดินทางกลับเร็วเหมือนปกติ

   “นี่ ขอถามอะไรหน่อยสิ ทำไมพวกเธอถึงเดินทางกลับกันเร็วขนาดนี้ล่ะ? ผมดูแล้วน่าจะยังพอมีเวลาอยู่เก็บกันต่อไปอีกสักหน่อยไม่ใช่เหรอ? ”

   เจ้าคนที่ดูมีมารยาทคนนั้นเอง ก็นะ ทางนี้ก็ไม่ได้เกลียดหรือมีอคติอะไรด้วยตั้งแต่แรกหรอก

   “ดิฉันหลีกเลี่ยงกิลด์ช่วงเวลาที่คนเยอะค่ะ แล้วก็ถ้ากลับดึกเกินไป มันก็จะเป็นอันตรายกับพวกเด็กๆ เอา”

   “อาー แบบนี้นี่เอง…...”

   เขาพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้วหันกลับไปมองพวกเด็กๆ ที่เดินตามมา ก็เหตุผลหลักๆ มันคือไม่อยากไปเบียดเสียดกับใครในกิลด์น่ะ ที่พูดแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเขินที่จะยอมรับว่าห่วงพวกเด็กๆ หรอกนะ โอเค๊? ...นี่พูดจริงๆ นะ!

   จากนั้นระหว่างที่เดิน อยู่ๆ ชายหนุ่มก็เอ่ยแนะนำตัวเองและพรรคพวกให้กับฉันฟัง
   โดยหนุ่มคนนี้ชื่อว่า เบ็ค อายุ 17 ปี ดูเหมือนกับว่าจะเป็นนักผจญภัยแรงค์ C เพียงคนเดียวในปาร์ตี้
   หน้าตาท่าทางหมอนี่ก็ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไร และดูเป็นคนที่มีสามัญสำนึกปกติดี ทำไมมาลงเอยกับปาร์ตี้ห่วยๆแบบนี้ได้กันนะ
   เด็กสาวคนที่กำลังคุยกับโครี่ชื่อว่า เทส เป็นคนรักของเนล
   อาา เด็กคนที่เป็นเป้าหมาย ของการมาขอยาของเจ้าเนลเมื่อครั้งนั้นนั่นเอง…...แต่จากที่เห็นวันนี้ ภาพจำที่รู้สึกได้จากเด็กเทส มีแค่เดินตามไปตามมา และเป็นลูกคู่ให้กับโครี่เท่านั้นเอง
   จากนั้นก็คือโครี่ และเนล
   โครี่เป็นคนที่หน้าด้านไร้ยางอายมากกว่าที่คิด และนั่นทำให้แอบแปลกใจมากเลยล่ะนะ! ส่วนเนลก็เป็นแค่พวกสโตรกเกอร์น่าขยะแขยงแบบสุดๆ เท่านั้นแหละ
   เท่าที่จับใจความได้ดูเหมือนว่าทุกคนในกลุ่มยกเว้นเบ็ค จะเลื่อนระดับเป็นแรงค์ D เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีก่อน และช่วงเวลานั้นเองที่พวกเดินทางกลับบ้านและได้พบเจอกับฉันเข้า

   แต่พูดตรงๆ นะ ฉันไม่ได้สนใจอะไรพวกนั้นเลยซักนิด มีแต่ยิ่งรับฟังเรื่องราวของเจ้าพวกนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าน่ารำคาญมากขึ้น…...

   หลังจากที่เดินทางกลับไปถึงกิลด์ และจัดการเรื่องขายวัตถุดิบเสร็จเรียบร้อย ด้วยพบว่าคุณซาเลน่าอยู่ตรงนั้นพอดี ฉันจึงรายงานเรื่องพฤติกรรมของเนลและคณะ ให้เธอฟัง คุณซาเลน่ารับฟังแล้วก็รับปากว่าจะรายงานเรื่องนี้ให้กับหัวหน้ากิลด์ฟัง และก็อาจจะมีการเตือนเพื่อไม่ให้ทำพฤติกรรมแบบนี้อีกในอนาคต

   หวังว่าพรุ่งนี้คงทำงานได้อย่างสบายใจแล้วล่ะนะ



TLnote1 : อ่านรอบแรกว่าเกลียดบ้านนี้แล้วนะ ยิ่งแปลยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่
TLnote2 : ตอนอ่านรอบแรก แอบรู้สึกว่าอีกเดี๋ยวต้องมีเหตุให้เร็นต้องแอบปิ๊งเบ็คเบาๆ แหงๆ 

Comments

  1. ไอ้เจ้าเนลนี่ ทำไมมันตื้อจัง เขาก็บอกอยู่อย่ามายุ่ง พวกนี้เหนื่อยพูดไม่รู้เรื่อง

    ReplyDelete
  2. เล่นบอกอ้อมๆงั้นเขาก็ไม่เข้าใจซิหนู​

    ReplyDelete
    Replies
    1. พวกหน้าด้านต่อให้พูดตรงๆยังไงมันก็ไม่เข้าใจหรอกครับ คิดเข้าข้างตัวเองไม่ฟังใคร

      ปล.ในโลกจริงก็เคยเจอมาแล้ว

      Delete
  3. หน้าสวยก็ซวยไป

    ReplyDelete
  4. ตกเบ็ดต่างโลกนี่เอง สนุกมากเรื่องนี้

    ReplyDelete
  5. เกลียดบ้านเด็กเนล-โครี่-โคโค่ชะมัด

    ReplyDelete
  6. ถ้าเป็นผม เดี๋ยวฆ่าหมกป่าทิ้งซะเลยหนิ น่ารำคาญชิบ

    ReplyDelete
  7. บักเนลนี่สุดยอดเลยว่ะ มีเมียแล้วยังจะตามตื้อหญิงอื่นอีก การกระทำนี่ก็สุดยอดเลยว่ะ นับถือคนแต่งนิยายมากที่ทำให้อินกับเนื้อเรื่องได้ ขอบคุณคนแปลครับ

    ReplyDelete

Post a Comment