030 - ปัญหามาแล้วค่ะ
อาหารเช้าวันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวัน ขณะที่กำลังทานอาหารซ้ำๆ แสนอร่อยอยู่นั้น ฉันแอบจับความรู้สึกแปลกๆได้ เลยมองกวาดไปรอบๆ ก็พบว่ามีแขกผู้เข้าพักคนอื่นหลายคนมองมา เหมือนมีอะไรอยากจะพูด ยิ่งไปกว่านั้น เข้าพ่อครัวโง่นั่นก็ยังเฝ้าเหล่คิ้วย่นๆ เป็นบูลด็อกมองมาจากในครัวอีกต่างหาก แต่ฉันก็ยืดอกเมินสายตาเหล่านั้นไปได้อย่างงดงาม
ขณะที่ฉันกำลังจะเดินทางออกจากโรงแรมหลังจากที่อะไรๆเรียบร้อย ก็ได้โบกมือลาเบาๆ ให้กับลิลลี่ที่กำลังแสดงสีหน้าเหมือนสาวน้อยที่กำลังตกหลุมรักอย่างหัวปักหัวปำอยู่ยังไงยังงั้น
ว่าแต่ จริงๆแล้วนี่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางไปที่กิลด์แล้ว ตรงออกไปนอกเมืองเลยก็ได้ ก็ในเมื่อคุณพนักงานต้อนรับของกิลด์นักผจญภัยคนเมื่อวานนี้ บอกมาว่าสามารถตรงออกไปเก็บสมุนไพรได้เลยนี่นะ
ขณะที่เดินทางออกจากเมือง เด็กบางคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ เก็บสมุนไพรอยู่ สังเกตเห็นฉันเหมือนกำลังรออยู่แล้ว เด็กพวกนั้นผละออกมาจากงานที่ทำอยู่ แล้วก็รีบเดินตามมาแบบเงียบๆ ก็ฉันไม่ได้มีเหตุที่จะต้องพูดปฏิเสธอะไรนี่นะ
วันนี้ตั้งใจเดินทางไปที่ป่าทางทิศใต้ของเมืองล่ะ โดยนี้มีโนรุนเดินตามมาอยู่ไกลๆ …….เดี๋ยวนะ นี่มันไม่ใช่ว่าเยอะกว่าเมื่อวานอีกหรอกเรอะ? ราวๆ 15 คนสินะ? เอาเถอะ ใครอยากทำอะไรก็ทำไป แต่ฉันถ้าโดนสัตว์ประหลาดจู่โจมขึ้นมา นี่ไม่ช่วยหรอกนะ
ขณะที่เดินทางมาถึงชายป่าฉันวางแผนไว้ว่า วันนี้จะเดินทางเข้าไปให้ลึกกว่าเมื่อวานล่ะ ก็ในเมื่อโซนรอบนอกไม่ค่อยมีอะไรเหลือมากเท่าไหร่ เพราะวันก่อนๆ เก็บไปจนเกือบที่จะหมดแล้วนั่นเอง แถมด้วยวันนี้ก็มีคนมาเยอะกว่าปกติอีกด้วย
1 ปีที่ฉันอาศัยอยู่ในป่า ทำให้คุ้นชินกับการเดินไปรอบภูเขาแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่ใช่คนที่ร่างกายแข็งแรงขนาดนั้นหรอกนะ ในขณะที่ฉันเดินมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ กลุ่มเด็กๆ ที่ตามมาก็ถูกทิ้งระยะห่างที่คงที่ตลอดทาง
เมื่อหันไป ก็พบเข้ากับเด็กผู้ชายคนที่ฉันคุยด้วยเมื่อวาน ตอนนี้เป็นคนนำหัวขบวน ขณะที่เงยหน้าขึ้นมาสบตากันโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นเอง หน้าของเขาก็แดงก่ำเป็นลูกตำลึง
อืมม เด็กคนนี้อายุน่าจะราวๆ 11 - 12 ปีสินะ? แล้วก็..เด็กผู้หญิงที่เดินตามมา ก็น่าจะราวๆ 10 ปีล่ะมั้ง
เด็กชายเริ่มชวนคุย ดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่ตามมาคนนั้นจะเป็นเพื่อน หรืออาจจะเป็นน้องสาว? เด็กหญิงแลดูเดินช้ากว่าจึงทำให้ระยะค่อยๆ ถูกทิ้งห่างไกลออกไป เพราะงั้นฉันเลยหยุดรอให้เดินตามมาจนทันแล้วจึงออกเดินต่อ ที่ทำไปเนี่ย แค่นึกอยากจะทำหรอกนะ แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วล่ะ
เด็กๆที่ตระหนักได้ว่าฉันหยุดรอ เริ่มเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
หลังจากเดินๆ และหยุดรอได้สองรอบ ในที่สุดก็พบเข้ากับพื้นที่เล็กๆ ที่มีดงสมุนไพรขึ้นอยู่หนาแน่น เพราะงั้นแล้ว วันนี้เก็บระแวกนี้ก็ละกัน
แต่สมุนไพรในพื้นที่นี้มันเยอะเกินไป ถ้าจะเก็บหมดคนเดียวก็จะแลดูเหนื่อยไปนะ เพราะงั้นแล้ว ฉันจึงใช้【มิติกักเก็บ】กวาดสมุนไพรในพื้นที่ๆ มองเห็นด้วยตาได้ยาก ไปเสียราวๆ ครึ่งหนึ่งของทั้งหมดเห็นจะได้? ซึ่งมันทำให้คลังกลับมาล้นอีกแล้ว...เพราะงั้นแล้ว วันนี้ก็จะเรื่อยๆ เอื่อยๆ ไปตามประสาล่ะ
ขณะที่ฉันก้มลง และเก็บสมุนไพรด้วยมือ เด็กๆก็เริ่มกระจายตัวออก ต่างคนต่างทำงาน
30 นาทีต่อมา เด็กผู้ชายหัวขบวนที่ฉันคุยด้วยเมื่อวานนี้ ก็ก้าวเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยปาก
“เมื่อสักครู่นี้ ขอบคุณมากนะครับ”
“แค่ทำเพราะอยากทำค่ะ”
“แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังอยากขอบคุณอยู่ดี…… เด็กผู้หญิงที่เห็นตรงนั้นชื่อยูอิครับ จริงๆแล้วเธอเป็นน้องสาวของผมเอง เธอเป็นเด็กที่ทำอะไรค่อนข้างช้า...เพราะงั้นแล้ว ถ้าเมื่อสักครู่นี้คุณไม่รอ เธอต้องหลงทางเข้าแน่ๆ”
“ฉันคิดว่าจะดีกว่า ถ้าขยับมือทำงาน มากกว่าที่จะใช้ปากพูดนะคะ”
“เอ๋ เอ่อ....โอเคครับ ผมจะพยายามให้เต็มที่ ขอบคุณมากนะครับ”
ทำไมต้องมาขอบคุณด้วย? ไม่ล่ะ เลิกคิดดีกว่า ทัศนะคติของคนเราจะเปลี่ยนเอาได้ ถ้าไปใส่ใจมันมากเกินไป ต่อจากนี้ก็เอาเป็นว่า ถ้าเกิดปัญหาอะไรร้ายแรง ก็อาจจะเข้าไปช่วยถ้าทำได้ แต่ถ้าเป็นอะไรที่แลดูยุ่งยากก็จะไม่เอาด้วยล่ะนะ
ฉันเก็บสมุนไพรจนเข้าช่วงบ่าย รู้สึกตัวอีกทีว่าหิวจึงเลือกหยุดพักทานข้าวเที่ยงที่นี่เลย เพราะถ้าย้ายที่เพียงแค่ทานข้าวจะแลดูลำบากไปหน่อย พอคิดได้ดังนั้นก็ยืนขึ้น หันไปอีกทีก็พบเข้ากับศพออร์คสามตัวนอนกองอยู่กับพื้น คุณโนรุนคะ! ไม่ได้นะ! แถวนี้เด็กๆ เต็มไปหมดเลย!
ฉันเก็บศพของออร์คทั้งสามตัวลงไปอย่างเงียบๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ฉันไม่รู้ ฉันไม่เห็น
อย่างไรก็ตาม นี่ยังมีอุด้งที่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อวานเหลืออยู่ และมันยังทานได้ปกติ ก็ในเมื่อมันเก็บอยู่ใน【มิติกักเก็บ】ตั้งแต่ทำเสร็จทันที1 ช่างสะดวกซะจริง
[1 TL : อะไรก็ตามที่ถูกเก็บอยู่ใน【มิติกักเก็บ】จะอยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง ไม่ถูกรบกวนด้วยเงื่อนไขใดๆ แม้แต่กาลเวลา ฉะนั้นโครงสร้างอะตอมจะยังคงเดิมทุกอย่าง รวมทั้งพลังงานด้วย ของร้อน ก็จะยังคงร้อน ของเย็นก็จะยังคงเย็น ]
ก็ในเมื่อฉันสามารถเตรียมอาหารร้อนๆ ได้โดยแทบไม่ต้องใช้เวลา เด็กที่อยู่รอบๆ จึงสับสนที่อยู่ๆ ฉันก็เริ่มทานอาหารซะอย่างงั้น แต่กลุ่มที่ตามฉันมาตั้งแต่เมื่อวานก็เข้าใจได้ในทันที และต่างก็เริ่มเตรียมอาหารบ้าง
30 นาทีผ่านไป ดูเหมือนทุกคนจะทานกันเสร็จหมดแล้ว แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง พวกเด็กๆ ก็เริ่มแอบมองฉันด้วยสายตาแปลกๆ มีอะไรกันเรอะ?
“เอ่อ...”
เด็กผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว
“มีอะไรเหรอคะ?”
“วางแผนต่อจากนี้ไว้ว่ายังไงเหรอครับ? จะย้ายที่แล้วก็ทำแบบที่คุณทำเมื่อวาน หรือจะตรงกลับเข้าเมืองเลย?”
“วันนี้จะเก็บสมุนไพรต่อค่ะ”
“อย่างงั้นเหรอครับ…...นั่นช่วยได้มากเลย ขอบคุณมากนะครับ”
เขาก็วิ่งกลับไปที่กลุ่มเด็กคนอื่นๆ ที่รออยู่ ทุกคนดูมีความสุขทันทีหลังจากที่ได้ยินแผนช่วงบ่ายของฉัน
ทำนี่เพราะอยากทำแบบนั้นหรอกนะ ไม่ได้จะช่วยอะไร ถ้าฉันเปลี่ยนใจขึ้นมาก็ไม่รู้ไม่สนด้วยหรอกนะ
…...พูดจริงนะนั่น
หลังจากเก็บต่อไปได้อีกราว 2 ชั่วโมง ฉันก็ตัดสินใจมุ่งหน้ากลับ ด้วยว่าไม่อยากเจอผู้คนแออัดที่ช่องขายวัตถุดิบของกิลด์ เพราะงั้นเลยตัดสินใจกลับตอนนี้เลย ซึ่งถ้าออกตอนนี้ ก็ควรที่จะถึงเมืองราวๆ บ่าย 4 โมงเย็น
แต่ดูเหมือนเด็กบางคนจะไม่ค่อยพอใจ ถึงแม้ว่าจะเก็บได้มากกว่าปกติถึง 5 เท่าแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนเขาจะยังอยากอยู่ต่ออีก ก็เอาสิ ทำอะไรก็ทำ ฉันไม่ได้เป็นหัวหน้าไกด์ทัวร์หรือคนคุ้มกันของพวกเธอซักหน่อย
ฉันเดินออกมาโดยไม่สนใจใครเลย แม้แต่เด็กชายคนที่คุยด้วยก่อนหน้า ซึ่งเด็กๆ ที่สังเกตเห็นก็เริ่มเดินตามๆ กันออกมา
ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงบ่นเป็นนกกระจิบน่ารำคาญตลอดทางที่เดินอยู่ในป่า เพราะงั้นฉันจึงเร่งฝีเท้าหนี อย่ามาล้อเล่นกับฉัน - เร็นคนนี้นะ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แม้แต่เด็กๆ ฉันก็ไม่ให้อภัยหรอก!
เมื่อเดินทางถึงกิลด์ ฉันพุ่งตรงไปที่ช่องรับซื้อทันที และวันนี้ฉันก็ขายสมุนไพรออกไปล๊อตหนึ่ง ได้ 10 เหรียญทองเล็กเหมือนทุกครั้ง แม้กระนั้นแล้วก็ยังเหลืออยู่อีกมากในคลัง
รีบกลับไปเร็วๆ ไปเตรียมอะไรทานมื้อค่ำดีมั้ยนะ? แล้วจะทำอะไรทานดีล่ะ? และในขณะที่คิดถึงของกินอยู่นั้น เด็กผู้ชายคนเดิมก็เข้ามาประชิดตัว
“เอ่อ ขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ระหว่างทางกลับด้วยนะครับ”
“มันไม่ใช่ความผิดของเธอ ไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ครับ เป็นผมเองที่พาพวกเขามาด้วย…...”
ฉันตัดสินใจที่จะรับฟังเรื่องราวของเด็กคนนี้สักหน่อย เด็กชายคนนี้ชื่อชิน อายุ 12 ปี ดูเหมือนว่าจะแอบตามฉันมาตั้งแต่วันที่สองแล้ว และในวันที่สองนั้นเองก็ต้องประหลาดใจที่วันนั้นทั้งวันกลับเก็บได้มากกว่าปกติถึงสองเท่า ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวานนี้เพียงแค่ครึ่งเช้าอย่างเดียว ก็เก็บได้ปริมาณสองเท่าของปกติ วันนี้เขาจึงเอ่ยปากชวนเพื่อนๆ และน้องสาวมาด้วย
ชินค่อนข้างกังวล ด้วยว่าน้องสาวของเขา ยูอิ ยังไม่คุ้นชินกับสเต็ปของทางนี้เท่าไหร่นัก กอปรกับวันนี้เข้าไปในป่าลึกอีกต่างหาก แถมด้วยมีหนึ่งในคณะบ่นปอดแปดตลอดทางกลับ …...ฉะนั้นแล้ว เขาจึงมาแสดงตัว ก้มหัวขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อเช็ดก้นเพื่อนคนบ่นโดยที่ไม่เข้าใจในสถานะ คนที่ทำตัวเป็นปลิง ของตัวเอง
“นั่นเลยเป็นเหตุว่าทำไม เอ่อ…..”
“ฉันไม่ได้สนใจหรอกนะ ต่อให้เธอจะเอาเด็กพวกนั้นมาอีกหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นพรุ่งนี้หรือหลังจากนั้น พวกเขามีสิทธิ์ที่จะพูดอะไรก็ได้ที่อยากจะพูดเหมือนวันนี้นั่นแหละ จริงๆ แล้วน่ะนะ มันไม่ดีกว่าเหรอไง ถ้าพวกเธอจะอยู่เก็บกันต่อ โดยไม่มีฉันน่ะ? เพราะยังไงฉันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเธออยู่แล้ว”
“นั่นน่ะ...เอ่อ ขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก เธอจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่ต้องใส่ใจฉันก็ได้
“พรุ่งนี้ผมจะไม่พาคนๆนั้นไปอีกแล้วล่ะครับ”
“......เอาที่สบายใจ”
ฉันตรงกลับโรงแรมทันทีที่จบบทสนทนา
ดูเหมือนกับว่าชินและยูอิ เด็กสองคนนั้นจะเป็นเด็กกำพร้า แต่ต่างกับฉันตรงที่ ฉันโตมาในสถานรับเลี้ยงฯ แต่พวกเขาเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาข้างถนน
ดูท่าต้องกัดฟัน กระเสือกกระสนที่จะมีชีวิตรอดน่าดูเชียว…...เด็กพวกนั้นน่ะ จะว่าไปเมื่อก่อนฉันก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันสินะ...ไม่สิ ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่
นี่ก็เห็นได้ชัดว่าฉันเริ่มจะใจอ่อนกับเด็กพวกนั้นแล้ว นี่ถ้าอยู่ๆ เริ่มมาเรียกร้องอะไรจากฉันคนนี้ ก็แย่น่ะสิ
อาจจะดูใจร้ายไปบ้าง แต่มันจำเป็น ฉันก็มีความไม่สะดวกของฉันอยู่ แถมก็ไม่ได้เป็นอะไรกันตั้งแต่แรกแล้ว เพื่อนก็ยังไม่ใช่เลย เพราะงั้นอย่ามาเข้าใจอะไรผิดๆ นะ
…...พอคิดแล้วก็มีแต่เรื่องยุ่งยากจริงๆ นั่นล่ะ ยิ่งเข้าใกล้เกินไป ความรู้สึกก็เริ่มเปลี่ยน
ถ้ามันเป็นปัญหามากนัก ฉันอาจจะย้ายจุดเก็บไปที่อื่น ถ้ามานึกดูดีๆ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองรู้สึกจะมีแม่น้ำอยู่สายหนึ่ง…...เพราะงั้นแล้ว ย้ายไปจุดนั้นดีมั้ยนะ……?
เมื่อฉันเดินทางถึงโรงแรม
ทำอะไรอร่อยๆ ทาน เพื่อลดความว้าวุ่นในใจหน่อยดีกว่า วันนี้โนรุนล้มออร์คมาได้ เพราะงั้นแล้วเอาไปผัดกับขิงดีมั้ยนะ? ขณะที่กำลังคุยกับลิลลี่เพื่อขอใช้ห้องครัวนั้น ก็โดนพ่อครัวงั่งขัดขวางเข้า
“เฮ้ย เธอน่ะ มาใช้ครัวของฉันบ่อยๆ มันน่ารำคาญนะ แต่ก็ไม่ได้จะบอกว่าห้ามใช้หรอก ถ้าจ่ายด้วยราคาที่เหมาะสมน่ะ เพราะงั้นแล้วนับจากนี้ ถ้าเธอจะใช้ห้องครัวของฉัน ขอค่าใช้จ่ายเป็นสูตรอาหาร นะ ตกลงมั้ย”
“ถ้างั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันไม่รู้เลยว่ามันเป็นการรบกวน เพราะงั้นแล้ว ดิฉันก็จะไม่ขอรบกวนอะไรใดๆอีก ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
อื๋อ? จำไม่ได้ว่าเคยขอยืมอะไรเป็นการส่วนตัวนะ นี่ถ้าเป็นเจ้าของโรงแรมนี้ก็อีกเรื่อง แล้วที่จริงก็ไม่ได้อยากสุงสิงด้วยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เอ๋? อะไรนะ? ค่าใช้จ่าย? พ่นอะไรออกมาไม่รู้ แต่สงสัยฉันคงได้ยินอะไรผิดไป
“เฮ้ยๆ เดี๋ยวก่อน ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แค่- ”
“ไม่ล่ะค่ะ จริงๆ มันก็ไม่ได้มีเหตุจำเป็นอะไรที่จะต้องขอยืมแต่แรกอยู่แล้ว เพราะงั้นขอตัวนะคะ”
ฉันตรงกลับขึ้นห้องทันที ส่วนลิลลี่ก็ดูอึ้งไปเลย ขอโทษนะ แต่ฉันคงทำอะไรอร่อยๆ ให้ทานไม่ได้อีกแล้ว…...
จากนั้น ฉันก็จมตัวเองอยู่ในห้วงความคิดขณะที่แช่อยู่ในน้ำร้อน
นับจากนี้ ถ้าจะปรุงอาหารอะไร คงต้องไปขอยืมห้องครัวที่อื่นแล้วล่ะ ว่าแต่ จะมีวิธีอื่นอีกมั้ยนะ?
อืมม แรกเริ่มเดิมที เหตุผลที่ทำให้ต้องขอยืมห้องครัวมันมาจากเรื่องไฟนี่นะ? เพราะงั้นแล้วในอีกความหมายก็คือ ฉันต้องการเตา หรือในกรณีนี้ก็คือ ต้องหาอะไรมาใช้แทนเตาให้ได้ ซึ่งถ้ามีเตาแก๊ซแบบพกพาล่ะก็ แม้แต่ตอนที่ออกไปหาของป่าภาคสนามก็สามารถที่จะปรุงอาหารได้ ถ้ามีอุปกรณ์เวทย์มนต์อะไรแบบนั้นก็ดีสิน้า แต่ถ้าจะทำขึ้นมาใช้เอง…...อุปกรณ์เวทย์มนต์ต้องใช้หินเวทย์มนต์ใช่มะ แต่สุดท้ายก็ยังไม่รู้ขั้นตอนการสร้างอยู่ดี หรือจะฝืนใช้【เวทย์รังสรรค์】สร้างขึ้นมาเลยดีนะ? เพราะยังไงก็มีหินเวทย์มนต์อยู่บ้างแล้วล่ะนะ แต่มันจะพอมั้ยหว่า?
…...หินเวทย์มนต์ เป็นหินวิเศษ ที่กักเก็บพลังเวทย์มนต์อยู่ภายใน วิธีการเอาไปใช้งานมีมากมายหหลากหลายวิธี พบได้ในร่างกายของสัตว์ประหลาดหรือปิศาจ เจ้าหินพวกนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้สัตว์ประหลาดนับเป็นสัตว์ประหลาด แถมยังเป็นจุดอ่อนของสัตว์ประหลาดนั้นๆ อีกด้วย เพราะงั้นแล้วในงานเควสปราบปรามทั้งหลายผู้คนมักจะเล็งโจมตีไปยังตำแหน่งที่หินเวทย์มนต์อยู่ เนื่องจากมันเป็นจุดอ่อนอย่างที่ว่าไป
เพราะงั้นแล้ว ถ้าจะสร้างเตาที่ใช้จุดไฟ ก็ต้องการหินเวทย์มนต์ที่มีธาตุไฟใช่มะ? ถ้าต้องไปซื้อก็คงแพงหูฉี่ แต่ถ้ามีไว้ซักอันก็คงจะสะดวกเอามากๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะพอมีหินเวทย์มนต์อยู่บ้าง ที่ได้จากการล่าก๊อปลินหรือ ออร์คเมื่อคราวโน้นก็เถอะ แต่หินที่ได้จากสัตว์ประหลาดอ่อนแอแบบนั้น ก็คงไม่ได้มีคุณภาพดีอะไรมากมายนักหรอก แถมยังก้อนเล็กอีกต่างหาก เพราะงั้นแล้ว การที่ตอนนี้มีหินเวทย์มนต์อยู่ในมือนั้น จึงเป็นความรู้สึกที่ผสมปนเปกันระหว่างยินดีและผิดหวัง…...
สรุปแล้ว ฉันก็ตัดสินใจว่าจะลองสร้างเอง หลังจากที่ทานมื้อเย็นเสร็จล่ะ ก็ไม่อยากออกไปเดินดุ่มๆเสาะหาวันหลังน่ะสิ และผลที่ออกมาก็ไม่ได้แย่เลย แถมใช้หินเวทย์มนต์ไปไม่มากมายอะไรด้วย
คงเพราะฉันมีสกิล【ลิขิตมนตรา】LV1 อยู่แล้ว การผนึกธาตุลงในหินเวทย์มนต์จึงค่อนข้างง่าย แต่อย่างไรก็ตาม จากการที่สุ่มลองหลายๆ อย่าง มันทำให้สลบจากการใช้ MP มากเกินไปล่ะ
TL : ความซึนของเร็นเริ่มแสดงออกมาแว้ว :3
กะ...ก็ไม่ได้ซึนหลอกนะ อาจจะเป็นเพราะหลายๆอย่าง และไม่สะดวกใจด้วย
ReplyDeleteเดี๋ยวกิจวัตรประจำวันจะทำไม่ได้ล่ะนะ...
ซึนนั้นแหละน้า
ReplyDeleteDid you hear there is a 12 word sentence you can tell your man... that will trigger intense feelings of love and impulsive attractiveness to you buried within his chest?
ReplyDeleteBecause deep inside these 12 words is a "secret signal" that fuels a man's instinct to love, adore and look after you with his entire heart...
12 Words Will Fuel A Man's Love Response
This instinct is so hardwired into a man's brain that it will make him try better than before to build your relationship stronger.
In fact, triggering this all-powerful instinct is so mandatory to getting the best ever relationship with your man that the second you send your man one of these "Secret Signals"...
...You'll immediately notice him open his soul and heart for you in a way he haven't experienced before and he'll distinguish you as the only woman in the universe who has ever truly fascinated him.