028 - ดูเหมือนการกินอาหารมันๆ ช่วงนี้ จะทำให้ฉันปวดท้องล่ะ




   เข้าสู่วันที่ 3 ของชีวิตนักผจญภัย! วันนี้ขอเปลี่ยนแผนหยุดงานลาพักไปสำรวจเมืองแล้วก็ช้อปปิ้งล่ะ อยากออกไปซื้อแป้งทำอาหาร แล้วบางทีก็อาจจะเดินดูอาวุธด้วย
 
   กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เพราะงั้นก็ต้องเติมท้องให้เต็มก่อน ว่าแต่เช้านี้มีอะไรให้กินน้า?......ฮอร์ทดอกอีกแล้ว ถึงแม้ว่าซุปจะดีก็เถอะนะ แต่…….ก็ยังแอบผิดหวังอยู่ดี

   ขณะที่กำลังจะเดินออกไปนั่น ก็เจอะเข้ากับสาวน้อยผมม้าคนคุ้นเคยเข้า เลยต่างโบกมือให้กัน จนบัดนี้ก็ยังคงไม่รู้ชื่อเธอเลยนะ
   อันดับแรก ร้านอาวุธ ตอนนี้ ฉันกำลังเดินทอดน่องอยู่กับโนรุนและเบล ในการที่จะดุ่มๆ หาร้านอาวุธโดยไม่รู้เหนือรู้ใต้อย่างไม่มีข้อมูล นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเอาซะเลย ก็เพิ่งมาอยู่เมืองนี้ได้แค่สองวันนี่นา จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรอยู่ตรงไหน เพราะงั้น นี่เลยกำลังมุ่งหน้าไปที่กิลด์เพื่อหาข้อมูลก่อน

   เมื่อเดินทางถึงกิลด์ ฉันก็พุ่งตรงไปช่องที่ว่างทันที

   “ขอโทษนะคะ”
 
   “คะ...อ๊ะ วันนี้ก็จะรับเควสเก็บสมุนไพรอีกแล้วใช่มั้ยคะ?”

   “อ้อ เปล่าค่ะ แค่อยากถามหาร้านอาวุธดีๆ ระแวกนี้น่ะค่ะ พอแนะนำให้ได้มั้ยคะ? ดิฉันคิดว่าร้านที่ทางกิลด์แนะนำ น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสุ่มไป แล้วเจอร้านแปลกๆ เข้า”

   “อ้อ เข้าใจแล้ว งั้นร้านทางการที่ทางกิลด์แนะนำให้ยังไงก็ดีกว่าแน่นอนค่ะ งั้นลองไปร้านนี้ ที่จะอยู่ที่…….”

   มีร้านที่ได้รับการแนะนำมาสองร้านล่ะ ร้านแรกเชี่ยวชาญเรื่องเกราะหนังและอะไรเทือกๆ นั้น ส่วนอีกร้านเน้นเรื่องการตีอาวุธให้ตามสั่ง แต่ฉันอยากได้พวกมีดที่ปาแล้วสามารถสละทิ้งไปได้เลยโดยไม่รู้สึกเสียดายอ่ะ
   ส่วนชุดเกราะเนี่ย ฉันสร้างขึ้นมาใช้เองอยู่แล้ว ด้วยเงื่อนไขที่จำเป็นที่ว่า ‘ต้องไม่รัดตรงช่วงทรวงอกเกินไป และต้องมีความคล่องตัว’  เพราะงั้นแล้ว ร้านชุดเกราะคงยังไม่ต้องไปล่ะ
   อา จะว่าไปก็อยากได้เสื้อผ้าใหม่ด้วยนะ ก็ในเมื่อเกิดใหม่เป็นเด็กสาวน่ารักทั้งที ก็ต้องอยากแต่งตัวบ้างเป็นธรรมดา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใส่ให้ใครดูก็เถอะ

   หืม…...เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าแค่หาวัตถุดิบไป แล้วฉันก็สามารถตัดชุดเองได้หรอกเหรอ? นั่นสินะ เอาตามนั้นแหละ

   เดินใจลอยคิดอะไรสะระตะอยู่ก็ถึงร้านอาวุธที่ทางกิลด์แนะนำให้ สำหรับอาชีพช่างตีดาบแล้ว ภาพจำของฉันมักจะเป็นตาลุงตัวล่ำๆ ที่นิสัยแปลกๆ แต่เจ้าของร้านอาวุธคนนี้ต่างออกไป ดูเป็นมนุษย์มนากว่าที่คิด ออกจะแลดูเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดีเสียด้วยซ้ำ แค่อาจจะล่ำไปสักหน่อย
   แค่บอกว่าอยากได้มีดก็ถูกพาไปดูของทันที มีดเนี่ย ถ้าบางเกินไป อำนาจการทำลายล้างก็จะน้อย เพราะงั้นมีดที่กว้างแล้วก็หนาจะดีกว่ามั้ยนะ? แต่ถ้าพกติดกับตัวไว้ มีดบางๆ มันจะเบา เคลื่อนไหวคล่องตัวกว่าเนอะ แล้วก็ถ้าใช้งานจริง การที่มีดบางเนี่ย แรงทะลุทะลวงผ่านตัวเป้าหมายจะสูง จะทำให้เสียเลือดได้มากกว่ารึเปล่า?

   หลังจากดูไปรอบๆ ในที่สุดก็เจอเข้ากับมีดซัดที่เหมาะมือตรงตามต้องการทุกอย่าง แต่ต้องแลกมาด้วยราคา 1 เหรียญเงินใหญ่ต่อเล่ม ซึ่งนับว่าแพงเอาเรื่อง ถึงจะบ่นไปแต่ก็ซื้อมาก่อน 100 เล่มล่ะ ราคารวมทั้งหมดก็ 1 เหรียญทองเล็ก  ซื้อเยอะไปมั้ย? แหม ก็ความปลอดภัยมันเป็นเรื่องสำคัญนี่นา แต่สิ่งแรกที่ต้องทำ ก่อนที่จะใช้ก็คงต้องไล่เสริมคุณภาพมีดก่อน

   คุณเจ้าของร้านใจดี แถมให้อีก 10 เล่ม เพราะซื้อเป็นปริมาณมาก ฉันเลยเก็บมีดทั้งหมดเข้าไปใน 【มิติกักเก็บ】โดยแสร้งว่าเก็บลงในกระเป๋าเวทย์มนต์

   จากนั้น ฉันก็ถูกพาไปดูดาบสั้นที่วางขายในร้าน ฉันแอบตรวจดาบทั้งหมดดูด้วยสกิล【ประเมินค่า】แต่เอาจริงๆ นะ...ดาบที่ฉันตีขึ้นมาเองเล่มนี้ดีกว่าบรรดาดาบในร้านอยู่มากโข ไม่แปลกหรอก ก็เป็นดาบที่ผลิตเป็นแมสปริมาณมากนี่นา

   คุณช่างดีดาบเจ้าของร้านยังพาไปดูดาบโซนที่เป็นมาสเตอร์พีซอีกด้วย แต่ก็…...เนื้อเหล็กที่เป็นวัตถุดิบเอามาตีดาบ ยังไม่เข้าขั้นง่ะ โครงสร้างคาร์บอนในเนื้อเหล็กยังไม่เข้าที่เลย สงสัยคงต้องลองไปดูอาวุธที่ร้านอื่นบ้างล่ะมั้ง?

   แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไปร้านอาวุธอื่นเลย หลงเข้าไปที่ร้านเสื้อผ้าแทน บนโลกนี้ ตามปกติแล้วเสื้อผ้าที่ขายในร้านจะเป็นเสื้อผ้าใช้แล้วล่ะ เก่าชนิดที่ปราดตามองแว่บเดียวก็มองออก ว่าเป็นเสื้อผ้าที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แถมรูปแบบของเสื้อนี่ก็คือถุงตัดช่องให้แขนขาโผล่ออกมาชัดๆ ไร้ซึ่งความน่ารักโดยสิ้นเชิง เพราะฉะนั้นก็คงต้องทำเองจริงๆ นั่นแหละ

หลังจากที่ขอพิกัดจากพนักงานมา ฉันก็เปลี่ยนจากร้านขายเสื้อเป็นร้านขายผ้าแทน และได้ผ้ามาเยอะเชียวล่ะ หลากหลายชนิดเลยด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ที่ 5 เหรียญเงินใหญ่ พนักงานร้านขายผ้าตกใจมากเลย ถึงขนาดมายืนส่งตอนออกจากร้านเลยทีเดียว

   …….เอาซะเป๋ไปนิดนึงเลย ว่าจะกลับมาอุดหนุนอีกดีมั้ย

เอาล่ะ อาวุธก็แล้ว เสื้อผ้าก็แล้ว ได้ของที่ต้องการมาครบถ้วน ต่อไปก็เป็นอาหารการกิน  ว่าแต่จะทานอะไรดีนะ? ไม่ค่อยแน่ใจเลย แถมก็ไม่ใช่สิ่งที่จะเดินดุ่มๆ เข้าไปถามกับทางกิลด์เสียด้วย ด้วยว่ารสชาติมันเป็นเรื่องปัจเจกปากใครปากมัน จะไปถามคนที่ไม่ได้มักคุ้นมันก็ไม่ใช่…...

   ฉันเงยหน้าขึ้นดูท้องฟ้า ดูเหมอนจะราวๆ ช่วงบ่ายแล้ว กลับไปตายรังที่โรงแรมก็ละกัน ตัดสินใจได้ดังนี้จึงมุ่งหน้ากลับไปหาอะไรทานทีโรงแรม

   มื้อเที่ยงเป็นเนื้อกระต่ายจี่ในกระทะ และซุปใสเสิร์ฟคู่กับขนมปัง ฉันเริ่มเบื่อขนมปังแล้วอ่ะ อยากให้มีข้าวสวยจังเลย

   ขณะที่กำลังทานอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากทางห้องครัว

   “อย่างที่ไปนี่ล่ะ ว่ามันต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ! ที่ตอนนั้นทานน่ะมันกรอบ แล้วเนื้อก็นุ่มกว่านี้มากเลย! แถมขณะที่ทาน รสชาติละมุนก็ฟุ้งเต็มปากไปหมด…...”

   “นี่ก็ทำตามที่แกบอกแล้วไง! มันก็ควรที่จะอร่อยสิ! แต่แกก็เอาแต่พ่ำเพ้อว่า ไอ้ที่กินไปมันอร่อยกว่านี้ อยู่นั่นแหละ!”

“เพราะงั้นก็เลิกปากหนักแล้วไปขอให้เค้าสอนซะทีสิคะ! ”

“นี่จะให้คนอย่างข้าไปก้มหัวให้กับยัยเด็กกะโหลกกะลานั่นเหรอ!”

   ใช่แล้วๆ ฉันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรอกนะ เรื่องราวแลดูซับซ้อน แบบนั้นน่ะไม่รู้เรื่องเลยจริงจร๊ง

   ฉันรีบเคลียส์ของกินตรงหน้าให้หมด แล้วถามหาพิกัดของตลาดกับพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่ง แล้วตรงดิ่งออกไปทันที

   โอ้ คนพลุกพล่านดีจังล่ะ มีชีวิตชีวาดีจัง

   หลังจากที่เตร็ดเตร่อยู่พักหนึ่ง ฉันก็เจอเข้ากับร้านที่ขายมันฝรั่งเข้าล่ะ! ฉันจึงใช้สกิล【ประเมินค่า】กับมันฝรั่งที่วางขาย ให้ผลออกมาว่า มันฝรั่ง, ความสดใหม่ - ผ่าน, ระยะเวลาที่เก็บเกี่ยว - ไม่นานนี้ โอเค เหมาหมดนี่เลยค่ะ  อา สลัดมันฝรั่ง เฟรนช์ฟราย เป็นอาหารที่ไม่สามารถลืมได้จริงๆ ล่ะน้า ทีนี้ก็เหลือแค่เนยสินะ…...อื้มม

   สำรวจไปอีกหน่อย คราวนี้เจอะเข้ากับมะเขือเทศล่ะ แต่จะว่าไปยังไม่เห็นร้านไหนขายชีสเลยเนอะ โอ้ แต่เจอเนยแล้วล่ะ!…… เพราะงั้นฉันเลยมั่นใจล่ะ ว่าถ้ามีเนยขายแล้ว นมก็น่าจะขายอยู่ที่ใดที่หนึ่งแถวๆ นี้แน่นอน

   แต่ฉันยังไม่อยากซื้อแป้งล่ะ ด้วยว่าคุณภาพของแป้งที่มีขายในตลาดนี้มันค่อนข้างที่จะต่ำมาก ถ้ามีแค่เมล็ดพืชอื่นๆ เจืออยู่ อย่างพวกลูกเดือยหรือข้างฟ่าง ยังพอเข้าใจได้ เพราะยังไงก็ยังเป็นของที่ทานได้ แต่ที่ผสมอยู่จริงๆ มันดันเป็นทรายกับกรวดน่ะสิ...นี่พยายามจะฆ่ากันรึยังไงฟะ?

   จริงๆ ฉันจะแยกสิ่งแปลกปลอมออกมาด้วย【มิติกักเก็บ】มันก็ได้หรอกนะ แต่ไม่อยากง่ะ ทำไมต้องมานั่งเหนื่อยด้วยล่ะ ถ้าไหนๆจะซื้อแล้ว ก็อยากได้อะไรที่มันคุณภาพดีกว่านี้หน่อย แต่มาคิดอีกที บนโลกใบนี้ที่คุณภาพชีวิตของคนทั่วไปต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบนี้เนี่ยนะ เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าจะหาของคุณภาพดีกว่านี้ได้มั้ย? แต่ทันใดนั้น ฉันก็โชคดีล่ะ......

   ฮูเร่~ ฉันเจอร้านที่ขายของคุณภาพระดับที่รับได้ เข้าแล้วล่ะ!

   “เอาอันนี้ค่ะ!”

   “ครับ ขอบคุณมากนะครั…….ห้ะ คุณหนู...”

   “เหอ คุณนิโคล?”

   คุณนิโคลนั่นเอง

   หลังจากที่สนทนากันอยู่พักหนึ่งก็ได้ความว่า ปกติแล้วเขาไม่ได้อยู่แถวนี้หรอก แต่จะตั้งร้านค้าถาวรอยู่ใกล้ๆ กับย่านธุรกิจ เหตุผลหลักคือต้องการที่จะเก็บเกี่ยวข้อมูล เพิ่มพูนความรู้ แต่ดูเหมือนว่าแม้จะตั้งร้านที่โน่นแล้ว แต่ก็ยังกลับมาขายของที่นี่อยู่บ่อยครั้งด้วยว่าติดนิสัย เพราะค้าขายที่นี่มาตั้งแต่ยังหนุ่ม อื้ม ไม่ว่าจะทำอะไร สิ่งสำคัญคือต้องอย่าลืมว่ากำพืดเรามาจากไหน แม้ว่าจะบินสูงขนาดไหนแล้วก็ตาม

   “แต่ว่า แป้งนี่นะ ทำไมถึงได้...หืม…..อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว สกิลจากแว่นของคุณหนูนี่เอง”

   “ใช่แล้วล่ะค่ะ อะไรแบบนั้นแหละ…...”

   จังหวะเหมาะพอดีฉันเลยถามหาข้อมูลเกี่ยวกับข้าวสารจากคุณนิโคล เขาบอกว่าบางทีก็ขนมาขายอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่มีเหลือเก็บอยู่ในคลังเลย จากนั้นก็ให้พิกัดร้านค้าอีกที่ที่อยู่ในย่านการค้า และรับปากว่าจะหามาขายให้ถ้าประจวบเหมาะ

   “แต่ว่าข้าวเนี่ย มันไม่ค่อยเป็นที่นิยมนี่ครับ…...อ้อใช่แล้ว ผมลืมไปว่าคุณหนูทำกับข้าวเก่งมาก บางทีอาจจะมีสูตรที่ใช้ข้าวสารเป็นส่วนประกอบอยู่ใช่มั้ยล่ะครับ?”

   “ใช่แล้วค่ะ จริงๆ แล้วหนูมีสูตรอาหารที่ใช้ข้าวเป็นส่วนประกอบอยู่เยอะเลย พอดีว่าเป็นอะไรที่หนูชอบทานมากอยู่แล้ว...”

   “อย่างนี้นี่เอง สูตรอาหารที่ใช้ข้าวเป็นส่วนประกอบเหรอครับ…...”

   นิโคลเริ่มเอามือแตะคาง คำนวนถึงความน่าจะเป็นถึงผลกำไรที่จะทำได้ ถ้าฉันยังอยู่ตรงนี้นานอีกนิด คงไม่แคล้วถูกแนะนำคุณลูกชาย ที่เล็งไว้ และพัวพันกับอะไรวุ่นวายน่าปวดหัวอีกแหง เวลานี้ขอจรลีน่าก่อนน่าจะดีที่สุด จากนั้นฉันก็รีบหนี เอ้ย โบกมือลาคุณนิโคลถอยไปตั้งหลัก

หลังจากนั้น ฉันก็ไล่ซื้อของอีกมากมายหลายสิ่ง ที่น่าเครียดคือ เกลือปริมาณนิดเดียวราคา 1 เหรียญทองเล็ก แต่วันนี้ก็ยอมกดมาสองเหรียญทองเล็กน่ะนะ…...ยอมรับตรงๆ ว่าเจ็บปวด แต่เก็เอาเถอะ พรุ่งนี้ค่อยพยายามให้เต็มที่เพื่อถอนทุนคืนละกัน

   ฉันกลับมาถึงโรงแรมเร็วกว่าปกติมาก เลยตัดสินใจไปอาบน้ำก่อนเลย จากนั้นก็กลับขึ้นมาบนห้อง นั่งเสริมคุณภาพให้กับอาวุธ หรือก็คือมีดซัดที่ซื้อมา และก็เป็นอย่างที่คาด มีดซัด 110 เล่ม กินแรงพอดู แต่ก็เสริมคุณภาพได้ทั้งหมดจนครบ แต่ผลก็คือค่า MP ของฉันแทบจะไม่เหลือเลยล่ะ

   ฉันเดินลงมาที่แคนทีนอย่างตัวลอยๆหวิวๆแปลกๆ จากการที่ใช้ MP จนเกือบหมด มื้อเช้าน่าผิดหวังไปแล้ว เพราะงั้นมื้อเย็นจะมีอะไรอร่อยๆ ให้เซอไพรซ์มั้ยนะ!

   …...และ คัตเลทแซนวิชก็ถูกนำมาวางตรงหน้า

   ที่แย่ไปกว่านั้นคือ…...นี่มันอะไรวะเนี่ย? นี่มันไม่ได้แม้แต่จะใกล้เคียงกับคัตเลทแซนวิชที่ฉันทำเลยแม้แต่นิด จะเรียกว่าเลียนแบบมาก็ไม่เชิง มันมีอะไรซับซ้อนกว่านั้น ถ้าจะให้แจงออกมาเลยก็

   ข้อแรก ขนมปัง ใช้คำว่าอมน้ำมันคงไม่ได้ เรียกว่าชุ่มน้ำมันเลยจะดีกว่า กระหล่ำปลีซอยก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน ความอยากอาหารของฉันระเหิดไปหมดจนเรียกได้ว่าเกือบจะแห้งแล้ว ณ ตอนนี้ ต่อมาเป็นเรื่องของรสชาติ เรียกได้ว่าสยดสยองเลวร้าย เอื้อก น้ำมันหยดใส่เสื้อฉันด้วย เนื้อข้างในก็เค็มจากการใส่เกลือมากเกินไป แถมแข็งมากอีกด้วย แต่ฉันก็พยายามที่จะกระเดือกลงไปให้ได้อีกหน่อย ตอนนี้ในคอของฉันเต็มไปด้วยคอลลาเจนส่วนเกิน นี่มันโคตรแย่อ่ะ ไม่เอาแล้วได้มั้ย

   เสียงแว่วจากห้องครัวลอดเข้าหูของฉัน

   “บอกแล้วใช่มั้ย! เห็นหน้าของเธอตอนกินมั้ยคะ!?”

   “ลูกค้าคนอื่นชมก็พอแล้วไม่ใช่เรอะ!”

   “ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นค่ะ!”

   เข้าใจหรอกนะ ว่านี่พยายามที่จะเลียนแบบอย่างถึงที่สุดแล้ว เข้าใจนะ เข้าใจ…..แต่นี่มันไม่ไหวจริงๆอ่ะ
   ฉันล้างคอด้วยซุป และพยายามที่จะกระเดือกต่อให้หมด แต่นี่มันมันมากเกินไป ซึ่งถ้าทานเข้าไปหมดนี่ เดี๋ยวจะต้องปวดท้องแน่นอน

   ฉันมองไปรอบๆ เห็นลูกค้าในแคนทีนอย่างชมกันเซ็งแซ่ อาจจะเพราะอาหารจานนี้ยังไม่เคยมีมาก่อน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งสำคัญตอนนี้คือ ท้องของฉันไม่ไหวแล้ว

   “เอิ่ม ขอโทษนะคะ…...”

   อา พนักงานเสิร์ฟสาวผมบรอนซ์หางม้านั่นเอง

   “พ่อครัวของเรายืนกรานว่าจะทำอาหารนี้ให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม …...เค้ามาขอให้ฉันช่วย เพราะฉันเป็นคนที่ยืนดูคุณหนูทำอยู่ข้างๆ ตั้งแต่แรก แต่ผลออกมากลายเป็นอะไรที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงล่ะค่ะ ” 

   จับใจความจากที่ฟังคำอิบายมา ดูเหมือนพ่อครัวคนนั้นจะสนใจในเมนูที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และพอได้เห็นฉันปรุงอาหารแปลกๆ ด้วยความทะนงตนว่า ตนเองอยู่ในวิชาชีพพ่อครัวมานาน ด้วยว่ามีคุณพนักงานเสิร์ฟหางม้ายืนดูข้างๆ อีก จึงคิดว่าตนก็น่าจะทำอาหารจานนี้ออกมาได้เช่นกัน

   แต่พอลองลงมือทำจริงๆแล้วก็พบว่าผลออกมามันต่างกันโดยสิ้นเชิง และต่อให้คุณพนักงานเสิร์ฟหางม้าจะเคยได้ลองชิมมาก่อน แต่พ่อครัวหัวแข็งนี่ก็ไม่รับฟังข้อเสนอแนะใดๆ ที่เธอบอกเลย และสุดท้าย ก็เห็นอย่างที่เห็นนี่แหละ อาหารจากนี้ถูกดันออกมาเสิร์ฟเป็นมื้อค่ำจนได้

   ถ้านั่นยังแย่ไม่พอ…..

   “ที่สุดแล้ว เขายังบอกกับบรรดาลูกค้าว่า เขาเป็นคนคิดเมนูนี้เองด้วย ดิฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ”

   สูตรอาหารที่ยังไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน นับเป็นของมีค่ามาก ดูเหมือนว่าเจ้าพ่อครัวงั่งนั่นจะอยากได้เกียรติในฐานะผู้คิดค้นเมนูใหม่น่ะ แต่...เอาจริงน่ะเหรอ?รสชาติแบบนี้เนี่ยนะ? ยิ่งไปกว่านั้นคือชื่อ “เนื้อออร์คทอดในน้ำมันกับขนมปังผ่า” เนี่ยนะ ไม่ฟังดูอุบาทว์ไปหน่อยเหรอ

   “จริงๆ แล้วก็ไม่เป็นไรหรอกนะ ในเมื่อมันออกมาราวกับเป็นคนละเมนูเลยขนาดนี้ ฉันไม่สนใจหรอก ว่าแต่คุณก็ได้ทานมาก่อนนี่คะเห็นความต่างได้ชัดเลยใช่มั้ยล่ะ?”

   “ใช่คะ เห็นด้วย...”

   หลังจากที่แลกเปลี่ยนบทสนทนากับสาวหางม้าไปอีกซักพัก ฉันก็กลับขึ้นมาบนห้อง

   เอ้อ ลืมบอกไป สาวหางม้าคนนั้นชื่อ ลิลลี่ ดูเหมือนโดยพื้นเพแล้ว เธอจะไม่ใช่คนที่นี่ล่ะ เธอตามพี่สาวมาหางานทำที่เมืองนี้ และที่ได้มาทำงานที่โรงแรมนี้ก็เพราะพี่สาวเธออีกนั่นแหละ ที่เป็นคนแนะนำ

   คืนนั้น ฉันหลับไปหลังจากได้รับการเยียวยาทางจิตใจจากลิลลี่สาวน้อยหางม้า แต่ฉันก็ตื่นวิ่งเข้าออกห้องน้ำหลายหนเลยล่ะ







Comments

Post a Comment