027 - ชนะล่ะค่ะ ! ทั้งสามหนเลยด้วย !




    หลังจากรับเควสเก็บสมุนไพรที่กิลด์นักผจญภัย ฉันก็รีบตรงดิ่งออกจากเมืองอย่างรวดเร็วเหมือนเดิมล่ะค่ะ

   วันนี้เริ่มงานเร็วกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ฉันกวาดตามองทิวทัศน์ไปรอบๆ หลังจากพ้นประตูเมืองมาได้ซักพัก เห็นเด็กๆ ก้มๆ เงยๆ เก็บสมุนไพรเฉกเดียวกับเมื่อวาน แต่ก็ดูเหมือนจะเก็บอะไรได้ไม่มากมายอะไร ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะมันอันตรายที่จะออกไปไกลจากตัวเมืองมากเกินไป เพราะยิ่งไกลออกไป โอกาสที่จะเจอเข้ากับสัตว์ประหลาดที่ออกเพ่นพ่านก็จะมากขึ้น

   วันนี้ ฉันตัดสินใจที่จะฝ่าเข้าไปในป่าให้ลึกกว่าเดิม ป่าทิศใต้ที่เมื่อวานเข้าไปแล้วให้ผลดีนั่นล่ะ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ป่าที่อยู่ลึกเข้าไปเนี่ย มันเหมาะสำหรับที่จะให้นักผจญภัยระดับกลางหรือสูงขึ้นไปเข้าไปมากกว่าน่ะ

   เอาล่ะ เข้าไปสำรวจกันเถอะ

   แต่วันนี้ฉันจะเป็นคนนำสำรวจเองนะ ก็ยอมรับตรงๆ ว่า ในสต๊อคยังมีสมุนไพรรอระบายอยู่อีกเพียบ เพียบแบบไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะขายหมด เพราะงั้นวันนี้เลยตั้งใจว่าจะเก็บประสบการณ์เพื่อเพิ่มระดับให้กับสกิลแทน
   แต่จะว่าไปแล้วล่ะก็ ฉันเปิดใช้งานสกิลแบบเต็มที่เกือบตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะงั้นผลมันก็อาจจะไม่ได้ต่างจากปกติมากซักเท่าไหร่

   แต่ว่า ฉันจะจัดการยังไงกับอิพวกนักผจญภัยที่ตามเป็นขี้ปลาทองนี่ดีล่ะ

   ดูเหมือนว่าหลังจากที่มีคนเห็นฉันขายวัตถุดิบเมื่อวานนี้ ข่าวเรื่องเงินก้อนโตที่ได้จากการเก็บสมุนไพรเลยแพร่ออกไป เจ้าพวกนี้เลยคาดหวังว่าจะหาเงินได้ง่ายๆ โดยการสะกดรอยตามเผื่อว่าจะได้เจอแหล่งล่ะมั้ง
   แต่เสียใจด้วยนะ ฉันเปลี่ยนใจไม่เข้าไปโซนลึกๆ ละ วันนี้จะอยู่แต่ป่าโซนตื้นๆ แทน  หวังว่าจะไม่ผิดหวังกันเนอะ?

   ซึ่งถ้าวันนี้ฉันวางแผนว่าจะเข้าป่าไปเก็บสมุนไพรแบบจริงจัง เช่นโซนที่ยังไม่มีคนพบเจออย่างเมื่อวานอีกล่ะก็ ฉันคงสลัดเจ้าพวกนี้ แล้วหลบไปตั้งแต่แรกแล้ว

   ก็วันนี้วางแผนว่าจะสำรวจด้วยตัวเองนี่นะ

   จนถึงตอนนี้สกิล【ตรวจจับ】ของฉันยังไม่กระดิกเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่เจออะไรซักกะนิด แต่จากประสบการณ์ที่ใช้ชีวิตในป่ามาร่วมปี ทำให้พอจะบอกได้ล่ะ ว่าอะไร น่าจะขึ้นอยู่ตรงไหน ถึงขนาดที่ว่าสามารถหาจุดเก็บเกี่ยวได้ แต่เจ้าพวกขี้ปลาทองพวกนั้นคงโผล่มาทันทีที่ฉันเจอจุดน่าสนใจแน่ๆ

   ว่าแต่ มีกันอยู่เจ็ดคน น่าจะเป็นสองปาร์ตี้สินะ? ดูแล้วทั้งหมดน่าจะอายุเกิน13 ปีกันไปหมดแล้ว แต่ว่า…...เท่าที่ดูผ่านๆ น่าจะเป็นพวกไร้มารยาทอยู่พอสมควร เพราะงั้นก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดคุยดีๆ ด้วย

   นี่มันน่ารำคาญพอตัวเลยนะเนี่ย เลยคิดว่าจะย้ายที่ล่ะ แต่ทันใดนั้น ฉันก็ปราดตาเจอเข้ากับพืชที่มีลักษณะคุ้นตาแปลกๆ

   หืม นี่มัน...ดอกคามิเลีย? ต้นคามิเลียมีอยู่บนโลกนี้ด้วยสินะ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ…..! นี่มันแปลกๆ นะ ทำไมดอกมันถึงบานนอกฤดูได้แบบนี้ล่ะ ระยะเวลาบานของดอกมันแปลกจริงๆนั่นแหละ! จริงๆ ก็แอบสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนที่ปลูกผักอยู่ในป่านิดหน่อยแล้วล่ะ!? เห็นแล้วแอบรู้สึกเหมือนกับพืชกำลังโตแบบฝืนกฏธรรมชาติอยู่เลย …..

   แต่ คงไม่น่าเป็นไรมั้ง...นะ…? กฏทางธรรมชาติของโลกใบนี้อาจจะต่างไปจากที่เคยรับรู้มาก็เป็นได้ หรืออาจจะอยู่ตรงกลาง…...อื้ม เครียดไปคิดไปก็ไม่ได้ว่าจะบรรลุอะไรนี่เนอะ  เพราะงั้นช่างมันเถอะ ว่าแต่ เจ้าต้นที่ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นคามิเลีย เนี่ย อาจจะแค่เหมือนคามิเลียก็ได้สินะ?

   แต่หลังจากที่สังเกตดูหลายๆ อย่าง ก็พบว่า นี่น่ะ มันไม่ใช่แค่ของก๊อบเลียนแบบ แต่เป็นต้นคามิเลียของแท้เลยล่ะ  จะว่าไปแล้ว ต้นคามิเลียเหรอ หมายความว่า ฉันสามารถสกัดน้ำมันออกมาได้ใช่มะ? หรือจะเรียกอีกอย่างว่า น้ำมันพืช ยังไงล่ะ

   ด้วยน้ำมันพืช ฉันก็สามารถทำอาหารเป็นของทอด แบบที่น้ำมันสัตว์ที่เจียวออกมาจากไขมันออร์คทำไม่ได้ ได้แล้วสินะ อ๊ะ น้ำสลัดก็ได้ด้วยล่ะ! แล้วไหนจะลดอัตราการกิน MP ตอนสร้างสบู่กับแชมพูได้อีก!  ไม่ได้การ แบบนี้ต้องเก็บแล้วล่ะ!

   จากนั้น ก็คือการไล่เก็บเมล็ดต้นคามิเลียอย่างเป็นบ้าเป็นหลังด้วยแรงขับอันมหาศาล เก็บซะจนเมล็ดแก่แทบจะหมดไปจากพื้นที่นั้นๆเลยล่ะนะ

   ณ ตอนที่ฉันเลิกสนใจที่จะเก็บสมุนไพร แล้วหันมาเก็บฝักของเมล็ดต้นคามิเลียนั้น พวกนักผจญภัยที่ตามมาด้วยต่างก็สับสนและ งงเป็นไก่ตาแตกตามๆ กัน

   นี่มันไม่ใช่พืชที่อยู่บนลิสต์ของวัตถุดิบที่ทางกิลด์รับซื้อซักหน่อย ต่อให้เก็บไป ก็ไม่มีใครรู้อยู่ดี ว่าจะไปขายได้ไหม ขายที่ไหน และใครจะรีบซื้อ

   แต่คิดเหรอว่าฉันจะแคร์น่ะ ฉันไม่ได้คิดจะเก็บไปขายตั้งแต่แรกแล้ว ฉันต้องการน้ำมันพืชตะหาก น้ำมันพืชน่ะ
   ที่ว่าต้องการน้ำมันพืชน่ะ เป็นความจริง เพราะในเมื่อมีขนมปังแล้ว ก็สามารถทำขนมปังป่นสำหรับชุบแป้งทอดได้ หนำซ้ำ ยังมีไข่ แล้วก็เนื้อออร์คอีก หมายความว่า ทงคัตสึ!1 ฉันสามารถทำทงคัตสึได้ด้วยล่ะ! ว่าแต่จะไปหาข้าวได้จากที่ไหนนะ? แต่ไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อเรามีขนมปัง! ยังทำเป็นคัตเล็ทแซนวิช2ได้อยู่! นี่มันการค้นพบครั้งใหญ่เลยนะเนี่ย!
[1 トンカツ(Tonkatsu) : หมูชุบแป้งขนมปังทอดนั่นเอง ชมรูปประกอบได้ที่ท้ายบท]
[2 カツサンド(Katsu-Sando กร่อนมาจาก Cutlet sandwich) : แซนวิชใส่ทงคัตสึนั่นเอง Lawson ในไทยมีขาย อร่อยขนาดกินแล้วลอยได้ ชมรูปประกอบได้ที่ท้ายบท]

 ในเวลาไม่นาน ฝักเมล็ดแก่ของต้นคาเมเลียในพื้นที่ก็หายเกลี้ยงไม่เหลือหลอ...ไม่ อย่าไปเชื่อสิ นั่นแค่พูดเปรียบเปรยน่ะ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นจริงๆ หรอกนะ คิดว่าฉันจะเก็บเหี้ยนจนมันสูญพันธุ์เลยหรือไง? ความเป็นจริงแล้วฉันก็เหลือเมล็ดปล่อยคาต้นเอาไว้บ้างหรอกนะ

   ทีนี้ ก็คือขั้นตอนการสกัดน้ำมันออกมาล่ะนะ ขั้นแรกก็ตั้งกระทะ แล้วก็ต้มเมล็ด…..ในเมื่อฉันรู้วิธีการแบบปกติ ก็ไม่ขออธิบายล่ะนะ

   ในเมื่อขั้นตอนการสกัด มันต้องมีการจุดไฟ ฉันเลยย้ายที่ออกมานอกพื้นที่ป่าล่ะ จากนั้นก็ตั้งแคมป์ กางเต๊นท์ แล้วก็ทยอยหยิบสิ่งที่ต้องใช้อย่างพวกกระทะ, หม้อใบใหญ่ ออกมา จากนั้นก็คือขั้นตอนการสกัดน้ำมันอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าที่ทำไปนี่ จะเป็นแค่ครึ่งเดียวของขั้นตอนทั้งหมดน่ะนะ

   ก็ในเมื่อมีวัตถุดิบและเครื่องมือที่จำเป็นแล้ว ฉันก็สามารถสกัดน้ำมันพืชออกมาได้ด้วย 【เวทย์รังสรรค์】โดยที่แทบจะไม่ต้องใช้ MP เลย พวกนักผจญภัยที่สะกดรอยตามฉันมา ก็มีหยุดยืนดูฉันอยู่ซักพักหนึ่งเหมือนกัน จากนั้นก็แยกย้าย กลับเข้าไปหาสมุนไพรในป่ากันไปหมด

   ฉันสกัดน้ำมันอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักเลย มีหยุดก็เพื่อพักทานข้าวเท่านั้น แต่นอกจากนั้นก็คือการสกัดน้ำมันพืชอย่างบ้าคลั่งตลอดทั้งวัน มีคนที่ผ่านไปผ่านมาแวะหยุดดูอยู่บ้างเหมือนกันนะ แต่พอเห็นว่าทำอะไรก็ไม่รู้ ก็เดินจากไปแทบจะในทันที

   อืมม ดูเหมือนฉันจะใช้เมล็ดคามิเลียที่เก็บมา สกัดน้ำมันจนเกลี้ยงแล้วล่ะ เดี๋ยวจะเก็บกากที่เหลือเอาไว้หมักปุ๋ย

   เงยหน้าขึ้นมองฟ้า กะเวลาอย่างคร่าวๆ ตอนนี้ก็น่าจะคล้อยบ่ายแล้ว ราวบ่ายสองโมงหรือบายสามโมงล่ะมั้งนะ? ถ้าเดินทางกลับตอนนี้ น่าจะถึงก่อนที่จะค่ำนะ

   ตอนที่คิดว่าจะกลับอยู่นั้น ฉันหันกลับไปเตรียมที่จะเริ่มเก็บข้าวของ เก็บเต๊นท์ที่เอาออกมาใช้ ก็พบเข้ากับกองศพสัตว์ประหลาดเหมือนอย่างเคย

   คุณโนรุนค๊า ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ช่วยมีความละมุนกว่านี้อีกซักนิดจะได้มั้ยคะ? แล้วก็ช่วยหยุดฉีกทึ้งซากศพก๊อปลินเหมือนหนังสยองขวัญอย่างเอร็ดอร่อยโดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซักทีจะได้มั้ยคะ ที่ตรงนี้มันเป็นที่เปิดโล่งนะ ใครผ่านไปผ่านมาก็เห็นหมดน่ะสิคะ

   แต่หนนี้ฉันพยายามจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แล้วเก็บทุกสิ่งอย่างลงไปอย่างเงียบๆ ฉันไม่เห็นอะไรเลย โอเคนะ?

   หลังจากทำเนียนเคลียส์พื้นที่เสร็จแล้ว ฉันก็มุ่งหน้ากลับเข้าสู่เมือง ดูเหมือนว่าจะไม่มีคนตามมาแล้วนะ เพราะงั้นเลยตั้งใจจะตรงไปที่กิลด์ล่ะ ตั้งใจว่าจะไปขายวัตถุดิบในปริมาณเดิมกับที่ขายไปเมื่อวันก่อน

   เจ้าหน้าที่กิลด์ปั้นสีหน้าเข้าใจยากเหมือนเมื่อวานเช่นเดิม แต่ฉันไม่สนใจหรอกนะ นักผจญภัยที่ต่อคิวรอขายวัตถุดิบก็เริ่มส่งเสียเซ็งแซ่ แต่ฉันไม่สนใจหรอกนะอีกเหมือนเดิม
   เกิดอะไรขึ้นกับปณิธานว่าจะไม่ทำตัวโดดเด่น เหรอ? ก็เงินมันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิต เพราะงั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ แล้วก็ตอนนี้มีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องคิดคำนึงถึงน่ะ เพราะงั้น ฉันเลยรีบแว่บออกมา ตรงดิ่งกลับโรงแรมอย่างรวดเร็ว

   นั่นไง มีคนพยายามตามฉันเหมือนเมื่อวานเลย แต่คิดเหรอว่าจะตามมาได้สำเร็จน่ะ แน่นอนฉันสลัดหลุดได้ง่ายๆ เหมือนเดิม

   แต่เอาจริงๆนะ แม้ว่าจะพยายามขนาดนี้ แต่ฉันก็คิดว่าอีกไม่นานเรื่องว่าฉันพักอยู่ที่โรงแรมไหนก็คงรั่วออกไป แต่มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยล่ะนะ

   เมื่อถึงโรงแรม ฉันโชว์ป้ายไม้ให้พนักงานต้อนรับดู แล้วก็จ่ายค่าที่พักล่วงหน้าไปอีกหลายวัน อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังไม่คิดว่าจะย้ายออกไปจากที่นี่เร็วๆ นี้ เลยตัดสินใจจ่ายค่าที่พักล่วงหน้าไปก่อน เพราะว่าต่อให้ฉันเงินหมดจากสาเหตุอะไรก็ตามแต่ อย่างน้อยก็ยังมีที่ซุกหัวนอน ไม่โดนไล่ออกไปไหน ถ้าทำอะไรแล้วตัดเรื่องกังวลออกไปได้ แม้จะเล็กน้อยแต่ก็จะทำล่ะ

   เอาล่ะ วันนี้ไว้ค่อยอาบน้ำทีหลัง ตอนนี้ตั้งใจว่าจะลองใช้น้ำมันพืชที่เพิ่งได้มา ปรุงอาหารดูก่อนเป็นอันดับแรก

   ฉันเดินไปขอใช้ห้องครัวจากพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่ง เธอเป็นสาววัยแรกรุ่น มีผมบรอนซ์ยาว มัดหางม้า หน้าตาท่าทางคุ้นตาอยู่มาก น่าจะเป็นคนเดียวกับที่ฉันร้องขอมีดเมื่อวันก่อนล่ะมั้ง? 

   เธอบอกให้รอสักครู่ แล้วเดินหายเข้าไปในห้องครัว ชั่วอึดใจเธอเดินออกมาพร้อมกับตอบตกลง เยี่ยมไปเลย ขอบคุณนะคะ

   จากนั้นก็ขอใช้วัตถุดิบบางอย่างด้วย เช่น ขนมปัง, แป้ง, และไข่นิดหน่อย โดยขนมปัง และแป้งนั้นฟรี แต่ไข่ไก่มีค่าใช้จ่ายคือ ใบละหนึ่งเหรียญเงินใหญ่

   แพงมาก! เอาซะฉันนึกสงสัยเลย ว่าเลี้ยงไก่แบบไหนกัน ทำไมไข่ถึงแพงขนาดนี้ แต่สำหรับตอนนี้ ขอซื้อไข่สองฟองมาใช้ก่อน

   ฉันเดินเข้าไปในครัว ที่ตอนนี้มีคนที่ดูยังไงก็พ่อครัวชัดๆ ประจำอยู่หนึ่งคนถ้วน เป็นคนที่มีบรรยากาศหยิ่งยโสแผ่ซ่านออกมาตั้งแต่ปราดตามองแว่บแรก ดูท่าทางแล้ว คนนี้น่าจะเป็นพ่อครัวใหญ่ของที่นี่ อย่างไรก็ตาม ฉันคำนับเขาเบาๆ หนึ่งหนตามมารยาท แต่สิ่งที่ได้รับสวนกลับมาคือเสียงหึเบาๆ ที่พ่นออกจากจมูกเบาๆ หนึ่งที

   …...เอาเถอะ ช่างมัน ถึงยังไงเจ้าหมอนี่ก็เป็นคนอนุญาตให้ใช้ห้องครัวได้ล่ะนะ

   คุณพนักงานเสิร์ฟคนนั้นยืนมองฉันด้วยสีหน้าสงสัยไคร่รู้ ขณะที่คุณพ่อครัวยืนมอง จากที่ๆ ห่างออกไป ด้วยทัศนะคติแบบนั้น ฉันคงแบนไม่ให้ความสนใจใดๆ อีกแล้วล่ะนะ

   อันดับแรก ต้องทำทงคัตสึก่อน ฉันเลิกฮู้ดขึ้น ใส่เอาไว้ตอนที่ทอดมันออกจะอันตรายไปหน่อย ถึงจะกังวลกับบรรดาสายตาที่จ้องมาก็เถอะ แต่ไม่สนใจซะอย่าง
   ฉันเรียกมีดทำครัวประจำตัว และกระทะใบเล็กออกมาจาก【มิติกักเก็บ】จากนั้นก็ใช้【ชำระล้าง】เพื่อทำความสะอาด

   จากนั้น ฉันก็นำเนื้อออร์ค ส่วนที่คล้ายเนื้อสันนอกออกมา ลอกพังผืด ตัดเป็นชิ้นขนาดตามที่ต้องการ แล้วปรุงรสด้วยการโรยพริกไทย และเกลือ ตามด้วยแป้งเพื่อทำให้เนื้อนุ่มแล้วพักไว้
   ฉันเริ่มตีไข่ และเตรียมแป้งขนมปังป่น แล้วก็เทน้ำมันพืชลงในกระทะ ตั้งไฟ รอจนน้ำมันพืชในกระทะเริ่มร้อนมากพอ ฉันหยิบเนื้อที่หมักไว้ขึ้นมาจุ่มในไข่ คลุกขนมปังป่น แล้วค่อยๆหย่อนลงในกระทะ เคล็ดลับคือ ในการทอดรอบแรก ให้ทอดด้วยความร้อนต่ำล่ะ
   เสียงทอดฉ่าดังไปทั่วห้องครัว ฉันปล่อยให้ความร้อนจากไฟทอดจนเนื้อด้านนั้นๆ สุก แล้วจึงพลิกอีกด้านขึ้นมา แล้วจึงนำขึ้นมาพักไว้
   หลังจากทิ้งไว้สักครู่นึง ฉันก็นำเนื้อนั้นลงไปทอดในกระทะอีกหน คราวนี้ใช้ไฟที่แรงขึ้นกว่าหนก่อน จนแป้งที่ชุบกลายเป็นสีเหลืองทอง ด้วยวิธีการทอดสองรอบนี้ จะทำให้ได้ทงคัตสีที่แป้งมีความกรอบ แต่เนื้อด้านในนุ่มพอดี หนนี้ฉันทอดขึ้นมาสองชิ้นล่ะ

   หลังจากนั้น ฉันก็ใช้มีดผ่าขนมปัง แล้วยัดกระหล่ำซอยลงไปรอไว้

   จากนั้นก็นำทงคัตสึขึ้นมาหั่นออกเป็นชิ้นพอดีคำ แบ่งแล้วได้หกชิ้นพอดี แต่แหม น่าเสียดายจัง ถ้ามีวอเชสเตอร์เชียซอส1ก็คงดี แต่ต่อให้ไม่มีก็ยังมั่นใจว่าอร่อยนะ เพราะปรุงรสที่เนื้อไว้ก่อนแล้ว
[1 ウスターソース (Worcestershire sauce) : เป็นซอสที่มีรสเปรี้ยวหอม เหมาะสำหรับของทอดหรือ สเต็คที่มีรสจัดๆ ห้างใหญ่ๆในไทยมีขาย ชมรูปได้ที่ท้ายบท]

   พนักงานเสิร์ฟผมบรอนซ์ กับพ่อครัว และคนมุงอื่นๆ ที่ไม่รู้มาจากไหนอีกหลายคนต่างยืนจ้องฉันด้วยท่าทางตกตะลึง ฉันทำเป็นไม่สนใจ อย่าคิดว่าจะแบ่งให้นะ

   หลังจากเก็บกวาดเสร็จเรียบร้อย ฉันดึงฮู้ดกลับขึ้นมาปิดเหมือนเดิม แล้วหันไปคำนับหนึ่งทีเพื่อขอบคุณตามมารยาท จากนั้นก็รีบเดินออกจากครัวพร้อมทงคัตสึที่ทำเองอยู่ในมือ ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรมากไปกว่านี้

   พ่อครัวยืนจ้องฉันไม่วางตาด้วยสีหน้าท่าทางเกินจะบรรยาย แต่ฉันทำเป็นไม่เห็นไปน่ะ

   ฉันนั่งลงกับโต๊ะพร้อมคัตเลทแซนวิชร้อนๆ ในมือพร้อมทาน
   อื้มม กรอบอร่อยจริงๆ ล่ะค่ะ แม้จะไม่ต้องใส่วอเชสเตอร์เชียซอสก็เถอะ เอาจริงๆ แค่ปรุงรสง่ายๆ ความอร่อยของเนื้อก็ถูกทวีคูณออกมาแล้วล่ะนะ กระหล่ำปลีซอยก็กรอบ ตัดรสชาติของเนื้อได้พอดี อา อะหย่อยย

   แซนวิชหนึ่งชิ้นหมดไปอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะที่กำลังจะแตะต้องชิ้นที่สองอยู่นั้นเอง ฉันแอบสังเกตเห็นสาวพนักงานเสิร์ฟผมบรอนซ์คนนั้น ยืนรออยู่ข้างๆ

   “มีอะไรรึเปล่าคะ?”

   “เอ่อ...คือว่านั่นน่ะ”

   ปากพูดกับฉันอยู่ แต่ตาจ้องไปที่จานไม่กระพริบ อา เข้าใจแล้ว อยากรู้ว่ารสชาติจะเป็นยังไงสินะ ในเมื่อเธอสุภาพกับฉันแบบเสมอต้นเสมอปลาย ถ้าจะแบ่งให้สักหน่อยก็คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง?

   “อยากทานด้วยกันมั้ยคะ?”

   “จะไม่เป็นไรจริงๆเหรอคะ!?”

   ก็แสดงท่าทางอยากกินจริงจังขนาดนั้น ฉันผายมือเงียบๆ เป็นภาษากายบ่งบอกให้ทานได้ พนักงานสาวไม่บิดพริ้ว หยิบแซนวิชที่ถูกตัดแบ่งไว้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ค่อยๆ ส่งเข้าปากด้วยมือที่สั่นกลัวเบาๆ กร๊อบ เสียงที่บรรยายความกรอบจากแป้งขนมปังทอดที่เคลือบทงคัตสึนั้นบอกแทนได้ทุกอย่าง  เด็กสาวละเลียดเคี้ยวและค่อยๆ กลืนลงไป

   “อุว๊าา….นี่มันอะไรคะเนี่ย…..”

   สีหน้าแสดงความสุขเสียเต็มประดาค่อยๆ เผยขึ้นบนหน้าของสาวเสิร์ฟ  อืมมม อร่อยสินะ ดีจังเลย ก็ฉันตั้งใจทำเต็มที่เลยนี่นา
   ฉันทานอาหารของฉันต่อ โดยที่นั่งมองสาวผมบรอนซ์ตรงหน้ากำลังละเลียดทานแซนวิชที่ฉันแบ่งให้อย่างเอร็ดอร่อยไปด้วย พอคุณเธอทานจนเกลี้ยงแล้ว ก็นั่งมองฉันแบบเงียบๆ ด้วยอารมณ์สาวช่างฝัน บางที ที่นั่งเงียบอยู่นั่น กำลังรำลึกถึงรสชาติที่เพิ่งกินไปตะกี้ล่ะมั้งนะ?

   เมื่อฉันทานคัตเลทแซนวิชส่วนของฉันหมด สาวน้อยช่างฝันถึงกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
   เธอมองที่จานเปล่าที่เมื่อสักครู่ยังมีแซนวิชอยู่อย่างเศร้าสร้อย แล้วก็เงยหน้าขึ้นมาหาฉัน

   “นั่นมันอร่อยมากเลยนะคะ! เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ทานของที่อร่อยขนาดนี้! ”

   “จริงๆแล้ว นั่นค่อนข้างที่จะส่งๆ ไปน่ะนะ ยังขาดวัตถุดิบไปอีกตั้งหลายอย่าง”

   “นั่นน่ะ….จริงๆแล้ว ดิฉันไม่ควรขออะไรกับคุณลูกค้าแบบนั้นเลยจริงๆ ดิฉันน่ะ....”

   เธอหน้าแดงเป็นลูกตำลึงขณะที่มองฉันอยู่ เดี๋ยวๆ นี่ไม่ได้หมายความถึงอะไรแปลกๆใช่มั้ยคะ? แต่เอาจริงๆนะ สาวๆน่ะ ไม่เกี่ยงอยู่แล้วล่ะ แต่ถ้าเป็นผู้ชายล่ะก็ ขอบายนะ

   ดูเหมือนเธอจะค่อนข้างที่จะอายที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนั้น และอยากขอบคุณในความมีน้ำใจที่แบ่งแซนวิชให้ อื้อ เป็นเด็กดีจริงๆ นะเนี่ย แม้จะอยู่ในในโลกที่ป่าเถื่อนแบบนี้ก็เถอะ ฉันรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้จัง

   “ถ้าอยากจะใช้ห้องครัวอีก ให้บอกดิฉันนะคะ จะรีบจัดการให้ทันทีเลยล่ะค่ะ”

   “อื้ม…...ได้เลย! ”

   ฮื้มมม เป็นเด็กที่อากัปกิริยาน่ารักจังเลยนะ อายุน่าจะราวๆ 15 ปีสินะ? หนหน้าคงต้องถามชื่อเอาไว้แล้วล่ะ




Comments

  1. ล่อเด็กด้วยอาหารอีกคนละ​คนก่อนพลาดเพระต้องย้ายบ้ายหนนี้เจ๊จะได้กินมิหนอ

    ReplyDelete

Post a Comment