023 - ไม่ปราณีหรอกนะคะ!




   แม้จะผ่านเรื่องราวมามากมาย แต่พวกเราก็ยังเดินทางมาถึงฮาลูร่าจนได้ ขณะที่พวกเราเดินทางมาถึงก็คล้อยบ่ายแล้ว โชคดีที่ทันปิดประตูเมืองในช่วงเย็นล่ะ เมืองนี้เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยกำแพง หากเข้าไปไม่ทันก็คงต้องนอนด้านนอกรอวันถัดไป
   อย่างไรก็ตาม ฉันวางแผนไว้ว่าจะอาศัยอยู่ที่นี่ช่วงเวลาหนึ่งน่ะ แต่นานเท่าไหร่ก็ยังไม่สามารถบอกได้
 
   แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเข้าไปในเมืองทันทีไม่ได้ล่ะนะ
   บนโลกใบนี้ มีเงื่อนไขและข้อจำกัดมากมาย สำหรับการจะผ่านด่านเข้าเมือง
   อันดับแรกเลย ต้องมีบัตรยืนยันตัวตนการเป็นประชากร เพื่อใช้ในการผ่านเข้าไป ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเจ้าบัตรใบนี้มันเรียกว่าอะไร ต้องเดาว่าต้องมีชื่อเฉพาะแน่ๆ

   ระบบทะเบียนราษฎ์ของที่นี่เป็นระบบระเบียบ เรียบร้อยซะจนน่าแปลกใจ เมื่อมีใครซักคนเกิดจะต้องรีบไปแจ้งเกิดที่ภาครัฐ ด้วยการลงทะเบียนแพทเทิร์นเวทมนต์ทันที หลังจากการลงทะเบียนเสร็จสิ้น ก็จะได้รับมอบบัตรที่ว่า ซึ่งบนบัตรก็จะแสดงรายละเอียดของเจ้าของบัตรอย่างพวก ชื่อ วันเกิด สถานที่เกิด ลงไปด้วย แล้วก็ตัวบัตรเนี่ย จะใช้แพทเทิร์นเวทย์มนต์ข้างต้นเป็นระบบยืนยันตัวตนเจ้าของบัตร ป้องกันการแอบอ้างไม่ให้คนอื่นเอาบัตรเราไปใช้ รวมไปถึงการสร้างบัตรปลอมด้วยน่ะ
   เพราะงั้นแล้ว เวลาที่จะผ่านด่านเข้าเมือง จะต้องแสดงบัตรที่ว่านั่นด้วยมือข้างหนึ่ง วางทาบลงไปบนอุปกรณ์เวทย์มนต์ และในขณะเดียวกัน มืออีกข้างหนึ่งก็ต้องวางทาบลงไปบนอุปกรณ์เวทย์มนต์อีกชิ้นเพื่อยืนยันตัวตน และประวัติอาชญากรรม เทคโนโลยีเวทย์มนต์ที่นี่มันสุดยอดไปเลยล่ะน้า
   เพิ่มเติมคือ เนื่องด้วยการก่อคดีที่นี่ถือเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะฉะนั้นถ้าบุคคลนั้นๆ มีประวัติอาชญากรรมติดตัวมา ก็จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าเมืองล่ะ

   …...และตอนนี้ก็ดูเหมือนฉันจะเจอปัญหาเข้าแล้วล่ะ เพราะฉันถูกทิ้งไว้ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ฉันจึงไม่มีบัตรที่ว่า อีกทั้งยังไม่รู้ทั้งวันเดือนปีเกิด ทั้งสถานที่เกิด ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีประวัติว่าฉันเคยลงทะเบียนแพทเทิร์นเวทย์มนต์มาก่อนอีกด้วย
   แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็มีบัตรยืนยันตัวตนของสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าล่ะนะ
   ระบบเจ้าปัญหานี่ถูกสร้างขึ้นมา โดยคนที่เก่งมากๆในอดีต ด้วยจุดประสงค์เพื่อจะได้จัดระเบียบในการเก็บภาษี และป้องกันอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้นควบคู่ไปด้วยน่ะ

   ส่วนเมืองและหมู่บ้านที่ไม่มีระบบที่ว่านี่แล้วยังปลอดภัย ก็เพราะส่วนมากมักจะอยู่ในที่ๆ ปลอดภัยอยู่แล้วเป็นทุนเดิม
   อีกเหตุผลก็คือ หมู่บ้านและเมืองพวกนี้ปลอดภัย ไม่มีใครมาทำอะไรเพราะ มักจะเป็นเซฟเฮเว่น ถูกใช้เป็นที่ถ่ายเทเงินร้อนที่บรรดาอาชญากรทั้งหลาย ไปปล้นหรือขโมยมาด้วยน่ะแหละ โลกนี้มันช่างซับซ้อนในหลายๆความหมาย ซะจริงๆเลยน้า…...
   นั่นค่อยว่ากัน! หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้ ก็ได้เข้าเมืองซักที…….แต่เดี๋ยวก่อน คิดว่าเรื่องมันจะง่ายแบบนั้นเหรอ ใช่ พวกเราถูกเบรคไว้อีกรอบ เหตุผลน่ะเหรอ?
   โนรุนกับเบลไง

   ฉันไม่ใช่นักผจญภัยน่ะ เพราะงั้นแล้ว จึงไม่มีสิทธิ์เข้าเมืองในฐานะผู้ฝึกสัตว์ได้ เพราะฉะนั้นแล้วจึงกลายเป็นว่าไม่มีหลักประกันใดๆ ที่จะรับรองว่าโนรุนและเบลจะเป็นเด็กดีเลย

   ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังปฏิเสธที่จะเลิกฮู้ดขึ้น ก็ฉันไม่มีประวัติอาชญากรรมนี่นา เพราะงั้นนั่นเป็นเรื่องไม่จำเป็นรึเปล่า

   แต่ในขณะที่กำลังทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น คุณนิโคลก็เข้ามาช่วยเสริมอีกแรง โดยบอกกับพวกยามไปว่า  ‘หมาป่าพวกนั้นสุภาพ แล้วก็เชื่องมากเลยนะครับ’

   อื้ม เห็นด้วย ทั้งสองน่ะ ฉลาดเอามากๆ พูดไปแล้ว สนิทกันถึงขนาดที่สามารถน้วยขนนุ่มๆ อย่างที่กำลังทำอยู่นี่เลยนะ! น่ารักที่สุด!

   สุดท้ายจบที่ว่า เพราะฉันไม่ใช่นักผจญภัย จึงต้องจ่ายค่าผ่านทางสำหรับโนรุนและเบล รายละ 2 เหรียญเงิน เคี่ยวเกิ๊น! แต่มันก็ช่วยไม่ได้นะ เพราะงั้นเพื่อไม่ให้อะไรๆ วุ่นวายแบบนี้อีก ต้องรีบไปลงทะเบียนกิลด์นักผจญภัยให้เร็วที่สุดแล้วล่ะ

   ทีนี้ก็สามารถเข้ามาในเมืองได้จริงๆ ซักที จากนั้นพวกเราก็รีบตรงดิ่งไปที่กิลด์นักผจญภัย ตามที่ฉันให้คำสัญญาไว้กับคุณนิโคลทันที หนนี้พวกเราให้โนรุนและเบลขึ้นมาบนรถม้าด้วย ให้พวกเค้าเดินดุ่มๆ อยู่ในเมืองคงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่น่ะ

   หลังจากเดินทางลึกเข้ามาระยะหนึ่งจากประตูเมืองก็จะถึงกิลด์นักผจญภัย ดูเหมือนตำแหน่งที่ตั้งของกิลด์ จะถูกวางแผนมาอย่างดีให้พบเจอได้ง่าย ไม่เหมือนกิลด์สมาคมการค้าที่จะตั้งอยู่ใกล้ใจกลางเมืองที่เป็นศูนย์การค้าขาย
   ฉันพูดคุยเรื่องนี้กับคุณนิโคล พร้อมกับที่เดินคู่กันเข้าไปในกิลด์ ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็พบว่า อื้ม เยี่ยมไปเลย พวกเรากลายเป็นจุดดึงความสนใจซะแล้ว

   “ อะไรน่ะ? เอ๋ หมาป่าตัวใหญ่เหรอน่ะ?”

   “นักผจญภัยจากเมืองอื่นเหรอไง?”

   “เจ้านั่นเป็นคนคุ้มกันให้กับพ่อค้าเรอะ ?”

   “ผู้ฝึกสัตว์งั้นรึ? ไม่ใช่ว่าดูเด็กเกินไปรึไงกัน?”

   อา ที่เป็นจุดสนใจเนี่ย เพราะโนรุนกับฉันเองสินะ แต่ถ้าเข้ามาคนเดียว ก็คงไม่พ้นเสียงครหาเชยๆแบบเดิมอีกนั่นแหละ
   ฉันเดินตามคุณนิโคลเข้าไปที่เคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับที่อยู่ด้านในสุด แต่จริงๆ แล้วดูเหมือนว่าจะใช้ช่องไหนก็ได้ ยกเว้นหากมีการซื้อขายของกับทางกิลด์ ซึ่งจะมีเคาน์เตอร์รับซื้อขายอีกสองช่อง แยกออกไปต่างหากอยู่สุดทางอีกฝั่ง และหากจะทำการซื้อขายในโซนนี้จะต้องวางแผนให้ดี เพราะถ้ามาผิดเวลาก็จะคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ที่กลับมาจากเควสในช่วงท้ายของวันล่ะนะ

   ขณะที่ฉันกำลังหันรีหันขวาง สำรวจห้องโถงของกิลด์ไปรอบๆอยู่นั้น คุณนิโคลก็รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นและกำลังรอการคำตอบจากทางกิลด์ มองไปเห็นคุณเจ้าหน้าที่กิลด์กำลังรื้อแฟ้มประวัติอยู่หลังเคาน์เตอร์ เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นนับเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ที่เกิดจากนักผจญภัยที่ขึ้นตรงกับกิลด์ ในกรณีนี้ เป็นไปได้ว่า ณ ตอนนี้เจ้าสองตัวนั้นอาจจะหนีไปอยู่ที่เมืองอื่นล่ะ

   ผ่านไปอีกครู่ ชายคนหนึ่งที่อ้างว่าตนเองเป็นหัวหน้ากิลด์ก็ออกมาแสดงตัว เป็นชายวัยกลางคนที่ดูเฮี้ยบ และถ้าตัดสินจากแค่ภายนอกอาจจะทำให้ปรามาสเอาได้ว่า เป็นพวกกล้ามโตไร้สมอง แต่ถ้าถึงขนาดขึ้นเป็นหัวขององค์กรได้ ก็ไม่ใช่พวกไร้สมองอย่างแน่นอน อย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกนั่นหลอกเอา ...ล่ะมั้งนะ?

   พวกเราตามชายคนนั้นไป จากนั้นคุณนิโคลก็เล่าเรื่องราวให้ฟังอีกหน ฉันก็ยังยืนเงียบหลบอยู่ข้างๆเหมือนเคย ถึงจะไม่ใช่นายจ้างโดยตรง แต่ยังไงฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นพยานรู้เห็นปากสำคัญ และในทางปฏิบัติแล้ว ก็พูดได้เต็มปากว่าเป็นหนึ่งในผู้เสียหายล่ะนะ แต่ไม่ต้องไปพูดถึงก็ได้ ขณะที่บทสนทนาของหัวหน้ากิลด์กับคุณนิโคลกำลังดำเนินไป อยู่ๆ ประเด็นของบทสนทนาก็เบนมาที่พยาน ซึ่งก็คือฉันนั่นเอง

   “อืมม ตกลง ผมว่าผมเข้าใจสถานการณ์แล้วล่ะครับ ผมไม่สงสัยในคำให้การเลย ด้วยพฤติกรรมของเจ้าสองคนนั้นที่ผ่านมาเนี่ย ไปก่อเรื่องไว้มากเลยล่ะนะ...แต่ประเด็นเรื่องที่คุณหนู เป็นคนล้มออร์คถึงหกตนด้วยตัวคนเดียวเนี่ย มันออกจะ….ถ้าบอกว่าหมาป่าของคุณหนูเป็นคนล้มพวกมัน ผมยังจะเชื่อมากกว่า ”

   ก็นั่นสิน้า~
 
   ฉันอ่านบรรยากาศแล้วจึงเลิกฮู้ดออก เปิดเผยตัวตนเพื่อแสดงความจริงใจ ในห้องสำนักงานขณะนั้น ไม่มีคนอื่น จะมีก็เพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นซึ่งไม่น่าจะเป็นไร
   ลอยด์กำลังขับรถม้าพาเอลซ่าไปส่งที่บ้าน เพราะงั้นแล้วในห้องนี้จึงมีเพียงคุณหัวหน้ากิลด์ เจ้าหน้าที่กิลด์หนึ่งคน คุณนิโคล และฉัน

   “ให้ดิฉันเอาศพออร์คทั้งหกตนออกมามั้ยคะ? แต่พวกเราชำแหละเนื้อส่วนหนึ่งออกมาทานกันไปหน่อยแล้วนะ”

   “เธอมีสกิล【หีบใส่ของ】เหรอ ? เก็บซากของทั้งหกตนไว้หมดเลยเหรอ?”

   “เปล่าหรอกค่ะ ฉันมีกระเป๋าเวทย์มนต์น่ะ”

   กระเป๋าเวทย์มนต์ เป็นไอเท็มเวทย์มนต์ประเภทถุงหรือกระเป๋า ตรงตัวตามชื่อนั่นแหละ เป็นภาชนะที่มีผลของ【หีบใส่ของ】ผนึกเอาไว้ ปกติแล้วกระเป๋าเวทย์มนต์ไม่ใช่ของหายาก มีคนใช้งานอยู่ทั่วไป แต่โดยมาก ความจุจะน้อยใส่ของได้ไม่เยอะ
   ซึ่งคุณนิโคลสังเกตเห็นถึงความละเอียดอ่อนของเรื่องนี้ จึงแนะนำฉันให้บอกออกไปแบบนั้น จะได้ไม่เป็นจุดสนใจมากเกินกว่าที่ต้องการ

   “......ความจุของกระเป๋าเวทย์มนต์คงจะสูงมากเลยนะครับนั่น ตกลง…...เรื่องนั้นเอาไว้ว่ากันทีหลัง แต่จะดีมากเลยถ้าเธอขายซากพวกนั้นให้กับทางกิลด์น่ะ”
 
   “เข้าใจแล้วค่ะ”

   สับขาหลอกสำเร็จ

   หลังจากตกลงแลกเปลี่ยนซื้อขายศพออร์คเสร็จ เจ้าหน้าที่กิลด์อีกคนหนึ่งก็ขอเข้ามารายงานอะไรบางอย่างกับหัวหน้ากิลด์ ดูเหมือนเจ้านักผจญภัยตัวปัญหานั่นจะถูกทางการรวบเรียบร้อยแล้ว และเราสามารถเข้าเยี่ยมในฐานะโจทก์ได้ แต่คุณนิโคลเลือกที่จะให้ทางกิลด์เป็นคนจัดการตามแต่เห็นสมควร เพราะต่อให้เข้าไปพบก็คงไม่ได้มรรคผลอะไร ซ้ำน่าจะโดนด่าหยาบๆ คายๆ ให้รู้สึกแย่เสียอีก

   สิ้นคำรายงาน ฉันถูกพาไปที่โกดังเพื่อแลกเปลี่ยนศพออร์คตามที่ตกลงกันไว้ โดยมีคุณนิโคลเดินตามมาด้วย และแน่นอน ก่อนออกจากห้องสำนักงานเมื่อสักครู่ ฉันก็เอาฮู้ดขึ้นมาสวมปิดไว้เหมือนเดิม ก็แบบนี้มันสบายใจกว่านี่นา

   ฉันเรียกศพออร์คทั้งหกออกมาวางบนพื้นที่ๆ ทางกิลด์กำหนดไว้

   “หกตัวจริงๆ……ว่าแต่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมหัวของพวกมันหายไปหมดเลยล่ะ แล้วก็รอยตัดที่คอของตัวนั้น คงต้องโดนอะไรที่คมมากๆ…..คุณหนูใช้วิธีไหนจัดการเหรอครับ……?”

   “ความลับค่ะ”

   “ก็เข้าใจได้หรอกนะครับ นักผจญภัยไม่ควรเผยไพ่ในมือง่ายๆ แต่ถ้าแข็งแกร่งขนาดที่ล้มออร์คได้นี่ ทางเราขออ้าแขนรับเสมอนะครับ ต่อไปก็ฝากด้วยนะ”

   “อ่า เรื่องนั้น”

   “มีอะไรขัดข้องเหรอครับ?”

   “ดิฉันยังไม่ได้เป็นนักผจญภัยน่ะค่ะ”

   “ห้ะ?”

   “ด้วยเหตุนั้น ดิฉันเลยตั้งใจจะมาลงทะเบียนอยู่ล่ะค่ะ”

   “เดี๋ยวนะครับๆ จะบอกว่าทำที่เห็นหมดนี่โดยไม่ได้เป็นนักผจญภัยน่ะเหรอ? ผมเริ่มงงละ”

   “ก็ตามนั้นแหละค่ะ …...เอ้อใช่ แล้วก็ ดิฉันน่ะ เพิ่งอายุสิบเอ็ดปี เพราะงั้นจึงไม่สามารถรับเควสปราบปรามได้ เพราะงั้นอย่าเพิ่งคาดหวังอะไรจากดิฉันเลยนะคะ”

   “หาา?”

   ทุกคนดูตกใจกับคีย์เวิร์ดที่ว่า อายุสิบเอ็ดปี เอาจริงนะ
   นี่เจ็บนะเนี่ย คิดว่าฉันอายุเท่าไหร่กัน? นี่ดูแก่ขนาดนั้นเลยเรอะ ?









Comments

Post a Comment