021 - เด็กผู้หญิงถูกทำให้ตกใจจากเด็กผู้หญิงอีกคนล่ะค่ะ
เป็นอีกวันที่โยกเยกไปมาบนรถม้า และกล่อมด้วยเสียงเจื้อยแจ้วจำนรรจาของเอลซ่าจังข้างๆ สองวันผ่านไปนับจากวันที่เริ่มเดินทางมากับคณะนี้ แต่เธอก็ยังเป็นสาวน้อยช่างพูดได้เสมอต้นเสมอปลายจนฉันเริ่มทึ่ง
พูดไปแล้ว เอลซ่าเพิ่งหลุดปากไปว่าฉันใช้สกิล【ชำระล้าง】ได้ ด้วยว่าสกิลนี่นับว่าเป็นหนึ่งในสกิลที่เรียนรู้ได้ยาก และมีคนอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ใช้งานได้ ถึงจะบอกว่าไม่เสียหายอะไรก็เถอะ แต่ผลเสียที่เห็นเต็มๆ ก็คือ เจ้าคนคุ้มกันสองตัวนั่น หลังจากที่รู้เรื่องสกิล ก็แสดงออกนอกหน้าว่าสนใจในตัวฉันมากขึ้นไปกว่าเดิม จะเพราะอะไรก็ไม่รู้ แต่คงเพราะแลดูเป็นมนุษย์สารพัดประโยชน์ล่ะมั้ง และตอนนี้พวกมันก็กำลังจ้องเขม็งมาทางนี้ ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าคาดหวังอะไร แต่ก็อยากให้หยุดจ้องหน้าอกฉันได้แล้ว
เท่าที่จับใจความได้จากสิ่งละอันพันละน้อยที่หลุดมาจากบทสนทนาของพวกมันก็อย่างเช่น “ถ้าเรียนรู้สกิลพวกนั้นได้ ชีวิตพวกเราจะง่ายขึ้นอีกเยอะ” หรือ “บังคับยัยนั่นให้ทำตาม” และอะไรแบบที่ไม่ควรทำไม่ว่ากับใคร หลุดออกมาอีกเป็นพรวน…...ที่ชัดๆ คือฉันจะไม่เข้าร่วมเดินทางหรือฟอร์มปาร์ตี้กับเจ้าพวกนี้แน่นอน ถึงเมืองเมื่อไหร่ก็คงจะไม่ขอร่วมสังฆกรรมอะไรใดๆ อีก
แต่ในเมื่อเรื่องที่คุยมันน่าสนุกขนาดนั้น ก็ขอแอบดูสถานะหน่อยละกัน
เท่าที่ฉันจำเรื่องที่ได้ยินมาสมัยอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าก็คือ การจะได้รับสกิลอะไรใดๆ ในโลกนี้ เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ฉันกลับได้รับสกิลทั้งหลายที่มีอย่างรวดเร็ว ตอนที่หลงอยู่ในป่า ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าการที่คนทั่วไปจะได้รับสกิล มันยากง่ายแค่ไหน เพราะงั้นก็ขอใช้พวกแกเป็นตัวอ้างอิงหน่อยละกัน
ในโลกใบนี้ มีอยู่ไม่กี่วิธีเท่านั้น ที่จะทำให้เราเห็นค่าสถานะของคนอื่น เหมือนมีคนเคยบอกมา ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้สกิล เพื่อที่จะดูสถานะของคนอื่น ถ้ามันไม่สูงพอ และหนึ่งในสกิลที่ว่าคือ【ประเมินค่า】ยังไงล่ะ และ【ประเมินค่า】ที่มากกว่า LV5 ขึ้นไป จะสามารถมองเห็นค่าสถานะของคนอื่นได้เพราะฉะนั้นแล้ว LV9อย่างฉันคงพอเห็นได้แบบฉิวเฉียดล่ะนะ …...หืม ? ฉิวเฉียด ?
ว่า่แล้วก็ขอดูล่ะนะคะ
[1強撃]
[1剛力]
เห อะไรเนี่ย อ่อนแอชะมัด
เอ๋? แค่นี้จริงๆเหรอ? สถานะของเจ้าพวกนี้เนี่ยมัน...จะว่ายังไงดี ก็ ถึงค่าบางค่าจะอยู่ในระดับที่คาดเอาไว้ก็เถอะ ซึ่งก็ถ้าสู้กันจริงจังแบบตัวต่อตัวฉันก็คงแพ้อ่ะแหละ แต่ที่สงสัยคือ ทำไมสกิลมันถึงได้ดูง่อยขนาดนี้ล่ะ ! นี่คือนักผจญภัยมืออาชีพที่อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะ เอาจริงเหรอเนี่ย? นักผจญภัยเหรอ…….
เดี๋ยวๆ ก่อนจะปักใจเชื่ออะไร มองอีกแบบก็คือ เจ้าสองคนนี้อาจจะง่อยเป็นพิเศษก็ได้สินะ! ไม่งั้นที่สกิลของฉันเด้งขึ้นมาเป็น LV5 ง่ายๆ มันไม่น่าตกใจเกินไปหน่อยรึ อย่าเพิ่งปักใจ อย่าเพิ่งปักใจ
เพราะงั้นแล้ว ก็ขอดูสถานะของนิโคลอีกสักหน่อยเผื่อเอาไว้
[1 目利き][2 値切り][3 交渉][4 サバイバル]
เห? ดูแบบคร่าวๆแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณนิโคลจะแข็งแกร่งกว่าเจ้าพวกนั้นอีกหรอกเหรอ? ยังไงล่ะนั่น? ยิ่งมายิ่งงง เพราะงั้นก็ขอหยุดเผือกเท่านี้ก่อน แล้วก็ เค้าว่ากันว่า การแอบดูค่าสถานะของคนอื่น นับเป็นเรื่องเสียมารยาทน่ะนะ
พอตัดสินใจได้ตามนั้น พอรู้สึกตัวอีกที ก็ถึงจุดพักค้างแรมพอดี
ในเมื่อคณะของคุณนิโคลให้ติดรถมาด้วย เพื่อเป็นการขอบคุณที่แบ่งน้ำให้ ก็เป็นที่แน่นอนว่า ฉันไม่ได้มีหน้าที่อะไรให้ทำเป็นพิเศษ นับแต่ที่เถียงกันเรื่องอาหารหนก่อน ฉันเลยได้รับหน้าที่เตรียมอาหารล่ะ ตอนนี้คนอื่นๆ ถ้าไม่กำลังดูแลม้า ก็ตั้งแคมป์กันอยู่ เพราะงั้นแล้วแค่ทำอาหารเนี่ย สบายๆ
ฉันเริ่มจากเตรียมวัตถุดิบ ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด จากนั้นก็ใส่ผักกับวัตถุดิบที่เตรียมไว้ ตามด้วยเนื้อออร์ค แล้วก็ปรุงรสตามชอบ อื้ม เรียบร้อยแล้วล่ะ
จริงๆ แล้วซุปหม้อนี้แทบจะเรียกได้ว่าทำแบบส่งๆ แต่ดูเหมือนทุกคนจะชอบ แล้วก็คาดเดาไปต่างๆนาๆว่าฉันน่าจะใช้เทคนิคชั้นสูงอะไรในการทำ ทั้งที่จริงๆ แล้วแค่โยนๆ ลงไปต้ม โดยใช้เวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ก็นะ ก็【การครัว】ของฉันมัน LV7 แล้วนี่นา…….
เนื่องด้วยหม้อที่ฉันมีอยู่เป็นหม้อขนาดเล็ก หม้อที่ใช้อยู่นี่จึงเป็นของที่ยืมมาจากคุณนิโคล และทุกคนดูตื่นตกใจมากจนตาแทบถลนตอนที่ฉันหยิบเนื้ออร์คออกมา แต่ก็ดูจะชอบใจกันน่ะนะ
อา เนื้อออร์คอันนี้เป็นการสมอ้างเอาว่า ได้จากออร์คที่โนรุนเป็นคนล้ม ที่บอกไปแบบนั้น เพราะฉันไม่อยากมีปัญหาเพิ่มน่ะ
“อื้มม เนื้อวันนี้อร่อยจังค่ะ! คุณพ่อ! อร่อยมากเลย! ”
“อาา อร่อยจริงๆ นั่นล่ะ”
เห็นเอลซ่าจังดีใจขนาดนี้จากอาหารส่งๆ ที่ฉันทำ เอาซะรู้สึกผิดเลย
โดยแม้แต่ลอย์ดผู้เงียบขรึมยังชมไปกับเค้าด้วย รู้สึกซับซ้อนจริงๆ
“นี่มันอร่อยจริงๆนะครับ คุณเร็น คุณทำอาหารอร่อยมากเลย เอาไว้ถ้ามีเวลาสอนผมบ้างนะครับ? ”
เอ นี่มันเริ่มจะยุ่งยากขึ้นมาแล้วสิ……
ในขณะที่มื้ออาหารดำเนินไปในครรลองนั้น อยู่ๆ เอลซ่าก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ โดยการเอ่ยเรื่องบางเรื่อง ที่เป็นทั้งเรื่องที่ไม่จำเป็น และไม่ควรเอ่ยขึ้นมา
“พี่คะ ทำไมพี่ต้องใส่ฮู้ดไว้ตลอดเวลาด้วยล่ะคะ? น่าเสียดายออก ทั้งที่พี่เป็นคนสวยขนาดนั้นแท้ๆ !”
กรี้ดดดด1 ! หยุดพูดเรื่องไม่จำเป็นแบบนั้นได้แล้ว! เอลซ่าจ๊างงง! เหมือนกรณีโคโค่เป๊ะ สำหรับเด็กสองคนนี้ ไม่ว่าจะใส่ฮู้ดไว้หรือไม่ก็ไม่มีผลอะไร ก็เพราะตัวเล็กกว่า ว่าแต่เอลซ่าคะ! ไม่คิดว่ามันจะมีเหตุจำเป็นอะไรที่พี่จะต้องใส่ฮู้ดเอาไว้ตลอดเวลาบ้างเหรอคะ ! แล้วก็ ฉันไม่ไช่คนสวยอะไรขนาดนั้นซักหน่อย
[1ต้นฉบับใช้คำว่า ぎゃー! ดูรูปประกอบอากัปนี้ได้ที่ด้านล่าง]
“โอ้ จริงเหรอเอลซ่า คุณหนูเป็นคนสวยขนาดนั้นเลยเหรอ ?”
“อื้ม ! ทั้งงดงาม ทั้งสวย ทั้งน่ารักเลยค่ะ! แต่พี่สาวชอบใส่ฮู้ดเอาไว้ตลอดเวลา น่าเสียดายมากเลยล่ะ !”
เดี๋ยวๆ นั่นเกินจริงไปเยอะเลย !
“เห จริงเหรอคุณหนู? งั้นทำไมไม่เปิดฮู้ดให้พวกเราเห็นหน้าหน่อยล่ะ”
พอถึงตอนนี้เจ้าพวกคนคุ้มกันก็โดดลงมาร่วมวงด้วย พลางจ้องด้วยสายตาน่าขยะแขยง คราวนี้เพิ่มด้วยรอยยิ้มวิตรถารเข้าไปอีก แล้วก็เลิกมองหน้าอกฉันได้แล้ว ฉันเป็นเด็กนะว้อย! ไอ้พวกลามก!
“ไม่ดีกว่าค่ะ ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง...”
หลังจากพยายามอย่างหนักในการปฎิเสธ จู่ๆ เอลซ่าก็วิ่งมาจากด้านหลัง
“นี่แน่ะ~”
“อ๊ะ”
แล้วฮู้ดของฉันก็โดนเปิดออก กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด1 !
[1 ต้นฉบับใช้คำว่า ぎゃああああああああ!ดูรูปประกอบอากัปนี้ได้ที่ด้านล่าง ]
“นั่นมัน…...”
“......”
คุณนิโคลคะ ไอ้คำว่านั่นมันน่ะ อะไรเหรอคะ แล้วก็ลอยด์คุงหน้าแดงขนาดนั้นน่ะ ไม่สบายรึเปล่า ทำไมต้องอึ้งขนาดนั้นด้วย
“เฮ้ยๆ เอาจริงเรอะน่ะ”
“เหー!”
ส่วนพวกแกสองคนไปตายซะ แล้วก็เลิกมองหน้าอกฉันได้แล้ว
ถึงจะกะไว้บ้าง แต่ไม่คิดว่าออกมาอีหรอบนี้โดยเฉพาะปฎิกิริยาน่ะนะ
“ใช่มั้ยล่ะคะ! ทั้งงดงาม ทั้งสวยเลย !”
เอลซ่าเจื้อยแจ้วส่งเสียงหนวกหูไปตามประสา ว่าแต่ ถ้าพูดขนาดนี้แล้วไม่มีใครค้านเลยเนี่ย จะบอกว่าฉันเป็นคนสวยขนาดนั้นเลยเหรอ? แต่ถึงจะไม่ได้งดงามขนาดที่หนูน้อยป่าวประกาศมาตั้งแต่แรก โดยถ้าดูจากปฎิกิริยาของคนรอบๆ ข้างแล้ว ถ้าจะพูดว่าอย่างน้อยก็พอดูได้ก็คงได้ล่ะมั้ง?.........แต่เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่านี่จะเป็นต้นตอของปัญหาใหม่ที่จะตามมาหรอกเรอะ ?
พอคิดได้ดังนั้น ฉันก็รีบดึงฮู้ดกลับขึ้นมาปิดเหมือนเดิม
“อ๊ะー! ทำไมยังต้องปิดอีกล่ะ !? ”
เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยว ! ทำไมอยู่ๆ ถึงรู้สึกขยะแขยงแบบนี้ล่ะ! สายตาของไอ้สองคนนั้นมัน...มันแย่เอามากๆ แล้วไอ้ความรู้สึกเหมือนถูกตีค่าเป็นสิ่งของนี่อีก แล้วไอ้สายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกเหนียวๆ น่าขนลุกนี่ด้วย…...จากที่รู้สึกคือ พวกมันสองตัวกำลังคิดเรื่องลามกอยู่แน่นอน...น่ารังเกียจว้อย !
ความรู้สึกกระอักกระอ่วนรุนแรงล้นทะลักออกมาจากข้างใน ก็ข้างในของฉันมันเป็นลุงนี่หว่า อะไรคือการที่ชายวัยกลางคนแข็งแรงสุขภาพดี ถูกมองอย่างหื่นกามจากผู้ชายทรงโจรกล้ามโตสองคนกันฟะ!? นี่มันการทรมานประเภทไหนกัน! ไม่ไหวอ่ะ นี่มันไม่มีทางเป็นไปไม่ได้เลย ให้คิดแบบนั้นกับผู้ชายนี่ยังไงก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด แล้วการให้ฉันใช้ชีวิตแบบผู้หญิงเต็มตัวน่ะ มันก็เป็นไปไม่ได้เลยด้วย
สมัยก่อนเคยได้ยินมา ว่าเราสามารถรู้สึกได้ว่าเวลาถูกมอง จะสามารถจำแนกได้ ว่ากำลังถูกมองด้วยอารมณ์แบบไหนอยู่ วันนี้รู้ชัดแจ่มแจ้งแล้ว…...
…...สุดท้าย อาหารมื้อนั้น ก็จบลงด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนยากเกินจะบรรยาย
“นี่ แม่หนู สนใจมาร่วมงานกับพวกเรา หลังจากจบงานคุ้มกันนี้มั้ย”
ขณะที่เก็บล้างอยู่นั้น อยู่ๆคิมเบิ้ลก็โพล่งเรื่องนี้ออกมา
“ต่อให้เธอเป็นถึงผู้ฝึกสัตว์ก็เถอะ แต่เด็กผู้หญิง อยู่คนเดียวมันอันตรายนะ ถ้ามาจอยกับพวกเราล่ะก็ จะได้ช่วยเหลือกันในหลายๆ อย่างนาา”
“ใช่แล้วล่ะ ถึงจะเห็นแบบนี้ แต่พวกเราเป็นถึงนักผจญภัย แรงค์ C เลยเชียว”
…...ช่วยเหลือกันในหลายๆ อย่างเหรอ...ถ้าไม่มองแต่หน้าอกของฉัน อาจจะน่าสนใจมากกว่านี้อีกนิดหนึ่งน่ะนะ แล้วก็ แรงค์ C ? ถามจริงดิ? ด้วยค่าสถานะแค่นั้นน่ะนะ?
“ขอซาบซึ้งในน้ำใจที่ชวนนะคะ แต่ต้องขอปฎิเสธค่ะ”
“เฮ้ยๆ อย่าปฎิเสธกันแบบนั้นเซ่”
“ไม่ค่ะ ที่ปฎิเสธไปเพื่อความสะดวกของพวกคุณเอง งานหลักของคุณๆ คืองานปราบปราม และงานคุ้มกันใช่มั้ยล่ะคะ ? แต่ตัวฉันเพิ่งอายุแค่ 11 ปี ทำให้ไม่สามารถรับงานที่พวกคุณทำกันอยู่ได้ค่ะ”
““ฮะ!?””
““สิบเอ็ดปี!?””
…...มีอะไรที่มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเรอะ
คนทั่วไปสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิลได้เมื่ออายุ 10 ปี และ การลงทะเบียนในกิลนักผจญภัยก็เฉกเดียวกัน แต่กิลนักผจญภัยนั้นต่างออกไปตรงที่ เนื้อของงานในบางงานอาจจะมีความเสี่ยงถึงชีวิต อย่างเช่นงานปราบปราม ที่เนื้องานจะเป็นการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดและปิศาจ จึงทำให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 13 ปีไม่สามารถรับงานที่มีเนื้องานเกี่ยวกับการปราบปรามได้ ทำได้แค่งานที่อยู่ในพื้นที่ตัวเมือง หรือเก็บของป่าเท่านั้น และถึงแม้งานพวกนั้นจะได้ผลต่างตอบแทนที่ไม่ค่อยดี แต่อย่างน้อยก็ไม่อันตรายน่ะนะ
อย่างไรก็ตาม ฉันอายุแค่ 11 ปี ทำให้ไม่สามารถรับงานปราบปรามได้ และมันก็มีข้อห้ามที่ว่า ห้ามพาผู้ที่อายุยังไม่ถึง 13 ปี ไปร่วมเควสที่มีเนื้องานปราบปราม ซึ่งหากละเมิด กรณีที่เลวร้ายที่สุดคือการโดนขับออกจากกิล
นี่เป็นเหตุผลที่ฉันเอามาอ้างน่ะนะ
แต่จริงๆแล้ว ถึงแม้สิ่งที่เอาขึ้นมาบังหน้าจะเป็นเรื่องจริง แต่เนื้อแท้แล้ว ฉันแค่ไม่อยากร่วมสังฆกรรมด้วยน่ะสิ ก็อิสองตัวนี้น่ะ แค่ปราดตามองหนเดียวก็รู้แล้วว่าคิดจะทำอะไรเลวร้ายกับฉันแค่ไหน ! แบบในหนังสือบางๆ1 พวกนั้นเลย !
[1薄い本 : แปลตรงตัวว่าหนังสือเล่มบาง, แต่ก็เป็นแสลงที่หมายถึงโดจินชิที่มีเนื้อหาลามกก็ได้]
“เพราะงั้น ก็ตามที่ว่ามา รบกวนไปหาคนอื่นเถอะนะคะ”
หลังจากหลุดรอดออกมาจากสถานการณ์ตรงหน้ามาได้ ฉันเลยตัดสินใจตรงเข้านอนเลย
ฉันเลือกที่จะนอนในเต๊นท์ของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ เอลซ่าตามมาขอนอนด้วย ก็ดีนะ มีเด็กอยู่ด้วย อย่างน้อยก็ช่วยลดความตั้งใจของเจ้าพวกนั้นจะทำอะไรแย่ๆได้
วันรุ่งขึ้นขณะที่คณะเดินทางเตรียมตัวออกเดินทางอยู่นั้น
ฉันยังง่วงอยู่เลย และพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่หาว แต่มีใครบางคนจ้องมาทางนี้ และกระซิบกระซาบกันสองคน
“......สิบเอ็ดก็ขนาดนี้แล้วเหรอ”
หุบปากไปเลย !
TL : เวลาโดนมองด้วยสายตาหื่นกามมันรู้สึกได้จริงๆ นะ
เพิ่มเติม 1 : ぎゃー!
เพิ่มเติม 2 : ぎゃああああああああ!
😋
ReplyDelete