020 - ขอโทษด้วย แต่นั่นแว่นของฉันนะ
รถม้าเคลื่อนที่อย่างแช่มช้า ท่ามกลางแสงแดดอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ ช่างเป็นการเดินทางที่แสนชิล สวัสดีค่ะทุกคน นี่เร็นเอง ตอนนี้เป็นสาวแว่นล่ะ เห็นด้วยมั้ยคะ เวลาที่คนเรามีแว่นเป็นพร๊อพแล้วจะดูฉลาดขึ้น ?
นับจากปิดดีลเรื่องน้ำ1ได้ ตอนนี้ฉันได้ติดรถม้าไปลงที่จุดหมายด้วยล่ะ อาจจะฟังดูเหมือนฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอะไรแย่ๆ มา แต่เอาจริงๆ แล้วที่ฉันทำก็แค่แบ่งน้ำให้เท่านั้นล่ะนะ
[1水商売 : มีความหมายสองแง่สองง่ามค่ะ แปลตรงตัวคือ ดีลเรื่องน้ำ กับอีกความหมายคือ การเป็นพาร์ทเนอร์นั่งดริ๊งค์]
รถม้าที่นั่งอยู่นี้ เป็นรถม้าขนาดใหญ่มีหลังคา ลากด้วยม้าสองตัว ท้ายรถเต็มไปด้วยสินค้ากับสัมภาระ
พลขับมีสองคนคือคุณพ่อค้ากับเด็กชายที่มาฝึกงาน หลังจากที่แลกเปลี่ยนบทสนทนากันหลายเรื่อง ทำให้พอไล่เรียงได้ว่า คุณพ่อค้าคนนี้ชื่อว่านิโคล อายุ 29 ปี แต่งงานและมีลูกแล้ว และดูเหมือนว่าจะมีร้านค้าอยู่ใน ฮาลูร่าด้วย
เด็กฝึกงานชื่อว่าลอยด์ อายุ 13 ปี และดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะเป็นเด็กที่อาศัยอยู่ข้างๆ บ้าน
ส่วนเด็กผู้หญิงที่กำลังนั่งเบาะหน้ากับฉันคนนี้ชื่อว่าเอลซ่า เป็นลูกสาวของคุณนิโคล อายุ 7 ปี ซึ่งตามปกติแล้ว คนที่จะต้องเดินทางมากับนิโคลจะต้องเป็นลูกชาย แต่หนนี้ เอลซ่าไม่ยอม และขอแกมบังคับว่าเที่ยวนี้เธอจะเป็นคนมากับคุณพ่อเอง เด็กคนนี้ท่าทางทอมบอยหน่อยๆ นะเนี่ย ?
และสองคนที่นั่งอยู่ส่วนท้ายของรถหลังกองสัมภาระคือคนคุ้มกัน ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อ คิมเบิ้ล กับซิกกี้ล่ะมั้ง อายุก็น่าจะ 20 ปลายๆ แต่ยอมรับตรงๆ ว่าฉันไม่ได้สนใจสองคนนั้นเท่าไหร่
ส่วนโนรุนกับเบล ก็เดินตามอยู่ห่างๆ เพราะถ้าอยู่ใกล้เกินไป ม้าอาจจะตื่นเอาได้
“แล้วทีนี้นะ ! พี่ชายของหนูน่ะ ก็—”
อืมม เด็กคนนี้นี่ช่างคุยจริงหนอ นั่งรถม้าอยู่แบบนี้ ไม่กลัวกัดลิ้นตัวเองบ้างเลยรึยังไงนะ ?
แต่ฉันก็ไม่ได้ขัดอะไร เพื่อความสบายใจของเด็กน้อย เลยได้แต่นั่งฟังแบบหูทวนลมไปเรื่อย
การเดินทางเพื่อมาค้าขายหนนี้… นอกจากคุณนิโคลและ ลอยด์คุงที่ดูยุ่งๆ ก็มีผู้คุ้มกันสองคนที่ค่อนข้างหยาบคาย และดูยังไงก็ไม่ใช่คู่สนทนาที่ดีแล้ว สำหรับเอลซ่าจังที่มีเวลาว่างอย่างเหลือเฟือ แต่ไม่มีคนคุยด้วย ทริปนี้คงค่อนข้างน่าเบื่อทีเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นการบังคับคนรอบข้างให้พามาด้วยก็เถอะ
ซึ่งพออยู่ๆ ก็มีเด็กอายุไล่เลี่ยกันมาเป็นเพื่อนร่วมทาง ก็คงทำให้เอลซ่าสบายใจขึ้น เพราะงั้นจะช่างพูดช่างคุยมากขึ้นก็คงไม่แปลกอะไร
แม้แต่ตอนนี้ก็ยังไม่หยุดพูดนะ
นิโคลส่งเสียงหัวเราะขมๆ แก้เก้อให้กับความช่างจ้อของลูกสาว ในขณะที่ลอยด์นั้นก็กำลังเพ่งสมาธิกับการบังคับรถม้าอย่างสูงสุด
ส่วนคนคุ้มกันสองหน่อก็นั่งหน้าหงิก คงด้วยเสียงเจื้อยแจ้วจำนรรจาของเอลซ่า พลางส่งรังสีแย่ๆ ออกมาตลอดเวลา
“โธ่ ! พี่สาวฟังหนูอยู่มั้ยคะเนี่ย !?”
ฟังสิ ฟังอยู่ แต่ในมือก็กำลังกำก้อนเหล็กดัชนีคาร์บอนต่ำอยู่อ่ะนะ ที่กำอยู่นี่ กำลังพยายามอย่างหนัก เพื่อจะเปลี่ยนคุณภาพ จากเหล็กดัชนีคาร์บอนต่ำให้กลายเป็นเหล็กทามะฮากาเนะ1อยู่ ซึ่งถ้าสำเร็จก็จะสามารถเอาไปสร้างมีดที่คุณภาพดีกว่าเดิมได้
[1玉鋼(ทามะฮากาเนะ) : เป็นเหล็กดัชนีคาร์บอนต่ำของญี่ปุ่น โดยมากมักนำไปใช้ตีมีดหรือคาตาน่า ดัชนีคาร์บอนต่ำกว่า Wrough iron เสียอีก]
หลังจากเดินทางมาพักหนึ่ง พวกเราก็ตัดสินใจแวะพักกันในช่วงบ่าย
พื้นที่แวะพักเป็นลานกางเต้นท์พื้นราบโล่งกว้าง เห็นป่าอีกที่อยู่ไม่ไกล
คุณนิโคลออกไปสำรวจพื้นที่รอบๆ จากที่ฟังมารู้สึกว่าพวกเราคงจะแวะทานข้าวกันที่นี่ จากนั้นเอลซ่าก็เดินมาชวนฉันไป เด็ดดอกไม้ ล่ะ
อา เข้าใจแล้ว ได้เลยค่ะ
เอลซ่าจังหันมาส่งยิ้มให้ ขณะที่เดินมุ่งหน้าเข้าไปในป่า โดยที่มีโนรุนกับเบลตามมาดูแลจากข้างหลัง
หลังจากมาถึงจุดเหมาะๆ ที่ลับสายตาจากรถม้า จึงบอกเอลซ่าให้ทำไปธุระ เอ๋? ไม่เข้าไปด้วยกันเหรอคะ ? ไม่ๆๆ เราควรจะแยกกันเข้าสิ ! หรือจะพูดให้ถูกคือ ฉันไม่ได้อยากมาทำธุระหรอก แค่อยากมาเป็นเพื่อน ส่วนธุระน่ะ จัดการไปเรียบร้อยแล้วล่ะ แต่ถ้าจะให้อธิบายแบบชี้ชัดลงไปว่าอะไรยังไงก็ต้องขอบอกว่า ใช้เวทย์มนต์น่ะสิ
การเดินทางน่ะ มันมีเต็มไปด้วยเรื่องไม่คาดฝัน ถึงจะมีโนรุนคอยคุมเชิงอยู่ห่างๆ ก็เถอะ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากลดปัจจัยเสี่ยงออกให้หมด อย่างเช่นการที่เราไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ระหว่างที่ทำธุระส่วนตัวไงล่ะ
เวทย์มนต์ที่ใช้ก็คือ【ชำระล้าง】ที่อยู่ในหมวดเวทย์มนต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันนั่นแหละ แต่ก็ต้องมีลูกเล่นเล็กน้อยว่าจะใช้มันในรูปแบบไหน คืออยู่ๆ ไอเดียนี้มันก็โผล่ขึ้นมาน่ะ แต่จะโผล่ขึ้นมาตอนไหนยังไงขอเก็บเป็นความลับนะ เอ๋? จะให้บอกเหรอ? อืมม…...ก็มีอยู่วันนึงที่กำลังทำกิจวัตรอยู่น่ะนะ แล้วมันก็มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าห้องน้ำแบบปัจจุบันทันด่วนขึ้นมา….ไอเดียมันบรรเจิดเอาตอนนั้นแหละ
นั่นประไร 【ตรวจจับ】ของฉันมีปฎิกริยากับหนึ่งในคนคุ้มกันมาซักพักแล้ว จะทำอะไรล่ะน่ะ จะมาเข้าห้องน้ำด้วยกันรึไง? แต่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องถามก็รู้เจตนาอยู่แล้ว ซึ่งก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องห่วงด้วย เพราะมีโนรุนคอยคุมเชิงกันให้หมอนั่นอยู่ห่างๆ อยู่
เมื่อเอลซ่าจังกลับมา ก็เห็นว่ากำลังร้องไห้อยู่ล่ะ
“เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ? ”
“ตะกี้นี้ หนูทำมันเปื้อน”
“อา—…...”
ดูเหมือนเธอจะพลาดทำให้ชุดมีรอยเปื้อนล่ะ และถ้าเพ่งดูดีๆ จะเห็นว่ารอยค่อนข้างใหญ่พอสมควร…… เด็กน้อยแลดูน่าสงสารมาก ฉันเลยร่าย【ชำระล้าง】ใส่ชุด ผ้าส่วนที่มีคราบสว่างขึ้นแล้วรอยเปื้อนนั้นก็ค่อยๆ จางหายไปจนไม่เหลือร่องรอย
“สุดยอด! ทำได้ยังไงคะเนี่ย!? ”
ถ้าอธิบายไปคงยาวแหงๆ เลยตอบแบบส่งๆไปว่า ความลับจ๊ะ
เมื่อพวกเรากลับมาถึงรถม้า เจ้าคนคุ้มกันหื่นนั่นก็กลับมาถึงก่อนแล้ว ฉันเลยหันไปมองแรงใส่
การเตรียมอาหารดูราบรื่นดีไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ราบรื่นได้ไม่นานนัก เพราะอยู่ๆ หนึ่งในคนคุ้มกันก็เริ่มบ่นเสียงดังออกมา
“ข้าวต้ม ใส่เนื้อเค็มอีกแล้วเรอะ ไม่มีอะไรที่มันหนักท้องกว่านี้เรอะไง กินแบบนี้ จะเอาไปมีแรงได้ยังไงกัน! ”
“ใช่แล้วๆ เพราะเราเป็นคนคุ้มกันต้องกินให้เยอะๆ ! ต้องใช้แรงมาคุ้มกันพวกคุณนะ!”
“ผมเข้าใจนะครับ แต่ตามที่เราตกลงกันไว้…...”
นิโคลพยายามเบรค ด้วยกา่รยกเรื่องข้อตกลงจัดซื้อจัดจ้างที่เซ็นกันไว้แต่แรกขึ้นมาพูด แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล สองคนนั้นไม่ฟังเลย ทำตัวได้แย่มาก และถ้าดูจากเรื่องที่ผ่านๆ มาแล้ว เรื่องน้ำหนก่อนก็คงก็คงเป็นความผิดของเจ้าพวกนี้นี่แหละ
แต่ดูแล้วเรื่องนี้คงจบไม่ลงง่ายๆ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ……
“เอ่อ ให้ฉันช่วยจัดการกับเรื่องนี้ได้มั้ยคะ? เพราะคุณอุตส่าห์ให้ฉันติดรถมาด้วย แล้วไหนจะเรื่องอาหารอีก ถ้าจะให้พึ่งพิงอยู่ฝ่ายเดียวก็แลดูออกจะน่าอายเกินไปหน่อย”
“เอ๋? เอ่อ นั่นน่ะมันออกจะ”
“โอ๊อ ดีเลย! ”
“มีของกินดีๆ ติดมาด้วยใช่มั้ย ? ถ้าเป็นของกินไม่ได้เรื่องล่ะก็ จะไม่ให้อภัยหรอกนะ !”
พูดเหมือนฉันต้องได้รับความเห็นชอบของพวกคุณมึงงั้นแหละ
“ผมต้องขอโทษ…...ที่เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ด้วยนะครับ”
“ไม่หรอกๆ อย่างที่บอกไปแล้วไงคะ ว่าฉันต่างหาก ที่เป็นฝ่ายมารบกวน ให้คุณต้องมาคอยดูแลน่ะค่ะ”
หลังจากต่างสลับกันขอโทษไปมาแล้ว ฉันก็เปิด【มิติกักเก็บ】แล้วก็เรียกเนื้อฮอร์นแรปบิทสองตัวออกมา แล้วมอบให้คุณนิโคล
“นั่นมัน【หีบใส่ของ】 !?”
อ๊ะ...ชิบหายและ
ไม่นึกว่าการหยิบของกินออกมาจะทำให้บรรยากาศหนักอึ้งได้ขนาดนี้นะเนี่ย และตอนนี้ฉันก็กำลังถูกทุกคนมองมาเป็นตาเดียว คุณนิโคลดูเหมือนกำลังสรรหาคำพูดออกมาใช้ ทางเอลซ่ากับลอยด์ก็มองมาด้วยสายตายกย่อง ส่วนอิคนคุ้มกันก็กำลังซุบซิบอะไรบางอย่างเงียบๆ
ช่วยทำเป็นมองไม่เห็นได้มั้ยคะ
ช่วงพักเบรคหลังกินข้าว ฉันก็แอบสังเกตเห็นว่าเอลซ่าหายตัวไป ส่วนคนคุ้มกันที่ควรจะสังเกตเห็นก่อนใครน่ะเหรอ กำลังนั่งพล่ามเรื่องที่ฟังแลดูโง่ๆ อยู่ ช่วยทำงานกันให้ดีๆ หน่อยได้มั้ยคะ !
ขณะที่ฉันเริ่มร้อนใจออกตามหา เอลซ่าจังก็เดินออกจากป่า โดยมีโนรุนเดินตามคู่กันออกมา เยี่ยมไปเลยคุณโนรุน จริงๆ แล้วเธอไม่ใช่เฟนริล แต่เป็นนางฟ้ามาเกิดสินะ !
“เอลซ่า ลูกไปไหนมา? แยกตัวออกไปคนเดียวแบบนั้นมันอันตรายนะ ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ก็มีคุณสุนัขอยู่ด้วยนี่คะ! ”
…...คุณแม่โนรุนโดนเรียกว่าสุนัขซะแล้ว เดี๋ยวฉันค่อยปลอบทีหลังนะ
“เอลซ่า! ไม่ได้ก็คือไม่ได้! ป่าแถวนี้มีปิศาจเพ่นพ่านอยู่นะ!!”
“อุー......ขอโทษค่ะ แต่ว่านะ! นี่น่ะ! หนูออกไปเก็บอันนี้มาให้! ”
ในกำมือของเอลซ่ามีสมุนไพรอยู่ ดูเหมือนจะเจอระหว่างทางตอนที่ไปเข้าห้องน้ำเมื่อสักครู่ แล้วก็ถ้าดูดีๆ จะพบว่าเป็นสมุนไพรบรรเทาอาการปวดหายากเสียด้วย
“ก็! ก็! คุณพ่อเป็นคนสอนหนูเรื่องนี้เองนี่นา! ”
“อย่างนี้นี่เอง...ขอโทษนะ เอลซ่า”
พยายามอย่างเต็มที่เพื่อคุณพ่อนี่เอง เด็กน้อยยิ้มสดใสให้ แต่ทว่า
“เอลซ่าจัง ดูก่อนนะ ต้นนี้กับต้นนี้ไม่ได้นะ สองต้นนี้มันมีพิษน่ะค่ะ”
“เอ๋ ?”
“แต่ที่เหลือโอเคนะคะ ดีมากเลยล่ะค่ะ”
ใช่ มีหญ้าพิษปะปนมา แต่ฉันหยิบออกไปหมดแล้ว
“ดูออกด้วยเหรอครับ ? นี่มันแยกยากมากเลยนะ สำหรับผมแล้ว มันดูเป็นต้นเดียวกันเลย…...”
แน่นอนสิ ถ้าแยกด้วยตาเปล่าหรือสัญชาติญานล่ะก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยล่ะนะ แต่ว่าสำหรับคนที่มีสกิล【ประเมินค่า】อย่างฉันแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา
“หรือว่า…...【ประเมินค่า】เหรอครับ? “
“อื้ม ใช่ค่ะ”
“มีทั้ง 【หีบใส่ของ】แล้วก็【ประเมินค่า】เลยเหรอครับ...หรือว่าเธอน่ะ จะเป็น…...”
“อ่ะ【ประเมินค่า】น่ะไม่ใช่หรอกค่ะ มันต่างออกไป ”
“ที่ว่าต่างออกไปน่ะ เพราะว่าฉันใส่นี่อยู่น่ะค่ะ”
ดีที่เตรียมแว่นอันนี้เอาไว้น่ะน่ะ ทีนี้ก็สามารถโบ้ยได้แล้ว
“ใส่แว่นอันนี้แล้วจะสามารถใช้【ประเมินค่า】 LV2 โดยแลกกับพลังเวทย์มนต์นิดหน่อยงั้นเหรอ…...นับเป็นของที่มีค่ามากนะครับเนี่ย”
“ได้มาโดยบังเอิญน่ะค่ะ”
“ของผมลองหน่อยจะได้มั้ยครับ”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา”
ยินดีให้ยืมเต็มที่เลยค้าา ถ้าได้ลองกับตัวก็จะได้เลิกสงสัยฉัน ว่ามีสกิล【ประเมินค่า】เสียที
“โออ นี่….นี่น่ะเหรอ สกิล【ประเมินค่า】”
“คุณพ่อคะ ขอหนูลองด้วย! ขอหนูลองด้วย!”
เอลซ่าและลอยด์อยากลองด้วยกันทั้งสองคน ฉันจึงให้ผลัดกันใส่ตอนแรกก็กลัวเด็กๆเล่นกันแรงอยู่หรอก แต่มานึกอีกทีว่ากรอบแว่นน่ะ ทำจากไทเทเนี่ยมนะ ไม่พังง่ายๆ หรอก
หลังจากทั้งสามคนผลัดกันลองใส่แว่นนี่แล้ว ฉันก็รับกลับมาสวมไว้เหมือนเดิม
“เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ขอบคุณนะครับ ที่ให้ผมได้ลองใช้ของที่มีค่าขนาดนี้ ”
“เรื่องแค่นี้เอง ไม่เป็นไรค่ะ”
นิโคลผู้ที่ไม่มีสกิล【ประเมินค่า】ขอบคุณปะหลกๆ เสียจนแอบรู้สึกผิดที่หลอกลวงเลยแฮะ ขอโทษนะคะ……
แต่สิ่งที่อึดอัดมากกว่าคือคนคุ้มกันตัวปัญหาที่ปกติจะคุยหนวกหูไม่หยุด ตอนนี้กำลังนั่งเงียบจ้องมา ออร่าความคิดชั่วร้ายแผ่ออกมาถึงนี่เลย หรืออย่างน้อยก็คือ ฉันคิดว่าเจ้าพวกนั้นกำลังคิดเรื่องไม่ดีอยู่น่ะนะ
ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นน่ะนะ
:3
ReplyDelete