SIDE STORY 017 - เรื่องราวของสาวน้อย




   ในหมู่บ้านที่หนูอาศัยอยู่กำลังมีโรคระบาดอยู่ค่ะ
   คนที่ป่วยจะมีไข้สูง ปวดเมื่อยร่างกาย แล้วก็ไอ
 
   แม่ของหนูก็กำลังป่วยอยู่ ตอนนี้ทำได้แต่นอนซมอยู่ในเตียงเท่านั้น เนื้อตัวของคุณแม่ร้อนเหมือนถูกไฟเผา คุณลุง, คุณป้าข้างบ้าน แล้วก็แม้แต่พี่สาวที่เล่นด้วยกันต่างก็ด่วนตายจากไปเพราะโรคนี้ค่ะ
 
   …...คุณแม่จะเป็นอะไรมั้ย ?

   เรามีเงินมากพอจะซื้อยาได้อยู่หรอกนะ แต่ตั้งแต่ทุกคนรุมซื้อ ทำให้ยาไม่เพียงพอต่อความต้องการ จนตอนนี้ไม่สามารถหาซื้อได้แล้วล่ะค่ะ

   ตั้งแต่โรคระบาดเพิ่มแพร่ พี่ชายกับพี่สาวของหนู ที่ขณะนั้นไปเป็นนักผจญภัยอยู่นอกหมู่บ้านก็เดินทางกลับมา รวมไปถึงพี่สาวข้างบ้านด้วย แต่พี่สาวกลับล้มป่วย ติดโรคนี้และตอนนี้กำลังนอนซมเพราะพิษไข้

   พี่ชายและพี่สาวยังพอมียาเหลืออยู่ แต่กลับใช้กับโรคนี้ไม่ได้ผลเลย
 
   ถ้ายังเป็นแบบนี้ ทุกคนจะตายกันหมด หนูไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เลยตัดสินใจว่าจะเข้าไปหาสมุนไพรลดไข้จากในป่า

   หลังๆ นี้ได้ยินมาว่า ในป่ามีสัตว์ประหลาดน้อยลงมาก เพราะงั้นหนูเลยคิดว่าต่อให้ไปคนเดียวก็คงจะปลอดภัยค่ะ

   หนูเดินทางเข้าป่าไป แล้วเลาะไปตามทางแม่น้ำ ยาสมุนไพรน่าจะมีขึ้นอยู่ในป่าลึกแถวนั้น
 
   ตอนนี้เดินมาได้พักใหญ่ๆ และขาของหนูเจ็บมากจนแทบจะเดินไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ

   จากที่หนูได้ยินมาลุงนายพรานบอกมา ยาสมุนไพรน่าจะขึ้นอยู่บริเวณนี้ ตอนนี้เลยผละจากแม่น้ำ ตรงเข้าพื้นพี่ป่าชั้นใน หลังจากเดินทางอีกพักหนึ่งก็พบกับดงของต้นยาสมุนไพรขึ้นอยู่ รูปร่างเหมือนกับตอนที่เมื่อก่อน เคยเก็บกับคุณพ่ออย่างไม่ผิดเพี้ยน เพราะงั้นแล้วไม่ผิดแน่นอน

   หนูจึงพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะเก็บให้มากที่สุด

   …...นี่น่าจะพอแล้ว คุณแม่ต้องหายดีแน่ๆ หนูสบายใจขึ้นมาก มากเสียจนตอนนี้ความเหนื่อยกายแทบจะไม่มีผลอะไร แต่แล้วทันใดนั้น เสียงครางหยาบช้าก็ดังมาจากด้านหลัง

   ก๊อปลินสามตัวยืนอยู่ตรงนั้น

   หนูพยายามจะหนี แต่ตอนนี้ขาสั่นจนก้าวไม่ออกแล้ว นี่จะมาตายตรงนี้เหรอ ? ก๊อปลินตัวที่อยู่หน้าสุดเงื้อดาบเตรียมที่จะฟาดลงมา

   “ไม่นะ…...”

   หนูยังไม่อยากตาย จากนั้นน้ำตาก็รื้นออกมา

   ขณะที่คิดว่าไม่รอดแน่แล้ว ทันใดนั้นก็เกิดเสียงทึบดัง แล้วหัวของก๊อปลินที่เงื้อดาบตรงหน้าก็หายไป หมาป่าตัวใหญ่กระโจนออกมาไล่กัดก๊อปลินอีกตัวที่อยู่ข้างหลัง
   ขณะที่ก๊อปลินอีกตัวกำลังขยับจะเข้าไปหาหมาป่าอยู่นั้น ก็มีใครซักคนกระโดดออกมา ส่งลูกถีบเข้าไปที่หัวของก๊อปลินตัวนั้น


   ตอนนี้เจ้าพวกนั้นตายหมดแล้ว นี่คือ หนูรอดแล้วใช่มั้ย ?

   คนในฮู้ดที่ถีบใส่ก๊อปลิน หันมาทางหนู

   “เป็นอะไรมั้ยคะ? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

   “อ...อ๊าา...”

   ตอนนั้นเสียงมันไม่ออกมาแล้ว หมาป่าข้างหลังที่กำลังฉีกกระชากศพของก๊อปลินอยู่ข้างหลังมันจะกินหนูด้วยสินะ ?

   ตอนนั้นหนูกลัวมากจริงๆ จากนั้นจิตใจของหนูก็ว่างเปล่า สติค่อยๆ เลือนหาย และโลกก็ค่อยๆ ดับมืดไป

   ตอนที่หนูตื่นขึ้นมา หนูอยู่ในบ้านหลังหนึ่งค่ะ

   หันไปมองรอบๆ เป็นบ้านที่งดงามมากเลยล่ะค่ะ ดีกว่าบ้านของหนูมาก ว่าแต่ตอนนี้อยู่ที่ไหนกันนะ


   “ตื่นแล้วเหรอ ? เป็นยังไงบ้าง ?”

   เสียงใสแว่วเอ่ยถาม มาจากคนในฮู้ดก่อนหน้านี่เอง

   “ที่นี่? ที่ไหนคะ !? ”


   “ที่นี่คือบ้านของฉันเอง เธอถูกพวกก๊อปลินโจมตีน่ะ จำได้มั้ย ? ”

   “ก๊อปลิน…… ! ”


   ทันใดนั้นความทรงจำก็จุกขึ้นมา ตัวสั่นจนควบคุมไม่ได้ ใช่แล้ว ฉันโดนโจมตีจากก๊อปลิน
   แต่ตอนนี้ฉันปลอดภัยแล้วใช่มั้ย ? แล้วหมาป่าตัวนั้นล่ะ ?

 ”ไม่ต้องกลัวหรอกนะ แถวนี้น่ะ ไม่มีก๊อปลินแล้วล่ะ”

   “แต่ก็ยังมีหมาป่า…...หมาป่า !...... หนูจะโดนมันกินมั้ย ? ”

   “ไม่หรอกค่ะ หมาป่าที่ว่าน่ะ ตอนนี้นอนอยู่ในสวนหน้าบ้าน อยากเจอมั้ยล่ะ ?”
 
   “......ไม่”


   ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่หมาป่าตัวใหญ่ขนาดนั้น มันยากที่จะทำใจให้สบายได้ ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เถอะนะ

   หลังจากหนูเงียบ ตกอยู่ในห้วงความคิด พี่สาวสวมฮู้ดคนนั้นก็ยื่นเครื่องดื่มให้ ดูเหมือนจะเป็นชาอะไรซักอย่างที่แลดูอุ่นๆ ค่ะ ดื่มมันแล้วหนูจะไม่เป็นไรใช่มั้ย?

   ขณะที่กำลังตัดสินใจไม่ถูกอยู่นั่นเอง พี่สาวสวมฮู้ดก็ยกเครื่องดื่มขึ้นมาจิบให้ดู…...เหมือนจะปลอดภัยนะ หนูเลยรับมาแล้วจิบตาม

   เพียงจิบแรก รสของน้ำผึ้งกระจายไปทั่วทั้งปากเลยล่ะค่ะ

   “อร่อยจัง…...”

   ขณะที่ความตระหนกค่อยๆ หายไป พี่สาวสวมฮู้ดคนนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า

    “ว่าแต่ ทำไมเด็กอย่างเธอถึงเข้ามาในป่าลึกขนาดนี้ ป่านี้น่ะอันตรายมาก มีสัตว์ประหลาดเพ่นพ่านเต็มไปหมดเลยนะ”

   คนๆนี้ดูไม่ใช่คนเลวร้าย เพราะอย่างนั้น คงไม่เป็นไร ถ้าหนูจะเล่าเรื่องราวของตัวเองให้เธอฟังสินะ ?

   “....คุณแม่ของหนูไม่สบายค่ะ”

ขณะที่หนูกำลังเล่าเรื่องราวให้ฟัง พี่สาวสวมฮู้ดก็ฟังอย่างเงียบๆ เหมือนกำลังใคร่ครวญอะไรบางอย่าง พี่คนนั้นยืนค้างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบของบางอย่างที่เป็นขวดแปลกๆ ออกมาจากกระเป๋า แล้วเริ่มอธิบายให้หนูฟัง สิ่งนั้นดูเหมือนจะเป็นยาล่ะค่ะ


   “เอาอันนี้ให้คุณแม่ของเธอซะ”

   “นี่มันคืออะไรเหรอคะ ?”

   “ยา กินเข้าไปซะ แล้วทำร่างกายให้อบอุ่น นอนพักมากๆ ก็จะหายเอง”


   นี่มันต่างจากยาที่หนูเคยเห็นมามากเลย

   “ยา ? ไม่ใช่สมุนไพรเหรอคะ?”

   “ไม่ใช่สมุนไพร มันคือ ยา ”

   “......พี่สาว เป็นแม่มดเหรอคะ? ”

   “ห้ะ ?”

   พี่สาวอาศัยอยู่คนเดียวในป่าลึกขนาดนี้ แถมยังทำยาแบบนี้อีก ทางเดียวที่คิดได้คือเธอจะต้องเป็นแม่มดแน่ๆ ซ้ำยังดึงฮู้ดขึ้นมาปิดตลอดเวลา ซึ่งเป็นแนวทางที่แม่มดเท่านั้นที่จะทำ เพราะแบบนั้นแล้ว หนูดูไม่ผิดหรอก

   “ไม่ใช่แม่มดหรอกนะ แค่อาศัยอยู่แถวๆ นี้เอง”

   “อย่างนั้นเหรอคะ? ว่าแต่ หนูไม่มีเงินพอจ่ายค่ายา….”

   “เงินน่ะไม่ต้องหรอก แต่คืนนี้ก็อยู่ที่นี่ก่อน เพราะมันดึกมากแล้ว”

   …...ถึงจะบอกว่าไม่ใช่แม่มด แต่พี่สาวคงไม่พูดความจริงแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นแล้วพี่สาวก็นับว่าเป็นแม่มดที่ใจดีมากเลยล่ะค่ะ

   มื้อเย็นวันนั้นเป็นอาหารที่หนูไม่เคยเห็นมาก่อน แต่มันก็อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อเลย พอได้ลองชิมแค่คำแรกเท่านั้นแหละ หนูก็แทบจะหยุดมือตัวเองไม่ได้ ก็มันอร่อยนี่นา พี่สาวแม่มดมองหนู ใบหน้าสวยของเธอ เปื้อนยิ้มสดใส

   ที่นอนคืนนั้นที่พี่สาวจัดไว้ให้ ก็นุ่มมากและสบายมากเลยล่ะค่ะ หนูหลับสนิทแทบจะทันทีที่ล้มตัวลงนอนเลยล่ะ

   เช้าอีกวัน ขณะที่หนูกำลังจะกลับอยู่นั้น พี่สาวแม่มดก็ยื่นยาให้เพิ่มอีก คราวนี้เป็นขวดยาน้ำที่ใช้ดื่ม
   ขณะที่เราป่วย ร่างกายของเราจะอ่อนแอ ยานี้มีไว้พื้นฟูร่างกายที่อ่อนแอนั่น พี่สาวแม่มดใจดีบอกเอาไว้ว่าอย่างนั้น
    คุณแม่ต้องหายอย่างแน่นอน หนูวิ่งกลับหมู่บ้านด้วยความสบายใจ เสียจนเหมือนความหดหู่เมื่อวันก่อน เป็นเรื่องโกหกไปเลย

   แต่ในขณะนั้น หนูก็ไม่รู้เลย ว่าเพราะยาที่หนูได้รับมานั้น จะเป็นตัวนำเรื่องยุ่งยากมาให้พี่สาวล่ะค่ะ


Comments