014 - สาวมาสคอทประจำร้าน เริ่มงานได้!






แปล : Ayumin3310



   จากที่ดูพยากรณ์อากาศ วันนี้กับวันพรุ่งนี้หมู่บ้านเฮียวเซย์จะอากาศแจ่มใส ท้องฟ้าเปิด ปลอดโปร่ง ลมไม่แรง และไม่มีเมฆ นับว่าเป็นวันที่สมบูรณ์แบบมาก สำหรับกิจกรรมสันทนาการณ์ทั้งหลาย และเล่นสกี

      “เอาล่ะ วันนี้มาพยายามกันเถอะ”

   หลังจากทำความสะอาดและจัดเรียงทุกอย่างในร้าน อย่างที่ทำในช่วงเช้าของทุกวันเสร็จแล้ว ป้ายไฟที่อยู่หน้าร้านของ “อาศรมหิมะ” ก็สว่างขึ้น ที่เพิ่มเติมมากกว่าทุกคราวก็คือ หนนี้「ผม」เอาป้ายที่เขียนว่า วันนี้มี Magic Lunch ด้วยนะ ไปวางไว้ข้างๆ จากนั้นก็เริ่มกวาดหิมะหน้าร้าน ที่มีไม่มากนัก จึงเสร็จด้วยความรวดเร็ว
   พอเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นภูเขาเฮียวเซย์อยู่ไกลๆ เนื่องจากวันนี้ฟ้าเปิดจึงสามารถมองเห็นเทือกเขาสูงสีขาวตระหง่าน ตัดกับท้องฟ้าครามเข้มแสนสวยงามได้ไม่ยากนัก 
   สำหรับหมู่บ้านเฮียวเซย์ วันนี้แดดอบอุ่นสาดส่องไปทั่ว เหมาะกับการเดินเล่นโอ้เอ้ไปทั่วมาก แถมพยากรณ์อากาศยังบอกว่าอากาศจะดีแบบนี้ไปอีกซักพัก

   บนถนนสายหลักเรียงรายไปด้วยร้านค้าและโรงแรม จึงสามารถพบกับบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย ที่บ้างก็พุ่งเป้ามาที่การปีนเขา หรือเดินป่า บ้างก็มุ่งมั่งมาที่ลานสกี ได้ตลอดทุกวันในช่วงนี้

   เมืองทั้งเมือง เต็มไปด้วยชีวิตชีวา 
   จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ช่วงนี้แหละจะเป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวเข้าร้านมากที่สุด
   เป็นวันที่เรียกได้ว่า ศึกตัดสินในช่วงวันหยุดยาวฤดูหนาว
   ทันใดนั้น ก็เกิดแรงฮึดขึ้นมา 
   ปกติแล้ว อาศรมหิมะ จะเปิด 11 โมงเช้าของทุกๆ วัน
   「ผม」จ้องเขม็งไปที่นาฬิกา
   ร้านกำลังจะเปิดแล้วสินะ

  ตอนนี้รู้สึกได้เลยว่ากำลังเครียด จากความคาดหวังทั้งหลายแหล่ที่กำลังคับอยู่ในอก
   ซึ่งก็ทำได้แค่รออย่างงุ่นง่านเท่านั้น
   ตอนนี้「ผม」ยืนอยู่ในร้าน พร้อมกับเสียงตุบๆ ดังก้องอยู่ในอก 
   การเป็นเด็กที่เกิดแล้วก็โตขึ้นมาในร้านนี้ การทำงานเป็นเรื่องใหญ่
   ตราบใดที่ยังต้องกินข้าว ก็คือต้องทำงาน
   และด้วยทัศนคติทัศนคติที่ว่าตราบใดที่รยางค์ทั้ง 5 ยังครบถ้วน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องเปิดร้านให้ตรงเวลา 
   ซึ่งถ้าแค่การเปิดร้านให้ตรงเวลา ยังไม่สามารถทำได้ ก็เท่ากับไม่สามารถรักษาเวลา นั่นเท่ากับสูญเสียเป้าหมายของชีวิตไป

   「ผม」เติบโตมากับความเชื่อแบบนั้นแหละ 
   
   และยิ่งไปกว่านั้น การเป็นลูกจ้าง กับการเป็นลูกเจ้าของร้านมันต่างกันมาก การเป็นลูกของบ้านนี้ ถ้าสูญเสียร้านไปก็เท่ากับสูญเสียทุกอย่าง
   เพราะฉะนั้น ต่อให้เป็นเด็กผู้หญิง หรือจะมีสถานะภูติหิมะพ่วงไปด้วย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาทำตัวเหลาะแหละได้ 
   เพราะว่าโลกใบนี้ไม่มีที่หลับที่นอนให้คนเหลาะแหละหรอกนะ



   แต่ว่านะ ตอนนี้อยู่ๆ ก็มีเรื่องให้ขบคิดผุดขึ้นมา
   วันนี้ ตอนนี้ 「ผม」ต้องเป็น พนักงานเสิร์ฟสาว ไม่ใช่ พนักงานเสิร์ฟหนุ่ม ล่ะ
   อาจจะขัดๆ ไปบ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่สามารถเข้าใจได้
   เพราะการฝืนใส่ชุดของเด็กผู้ชายแล้วทำให้คนรอบๆ ข้างโดยเฉพาะลูกค้า รู้สึกไม่สะดวกใจมันก็ไม่ใช่เรื่องดี ฉะนั้นแล้ว ต้องแต่งตัวให้ถูกต้องสมกับการเป็น เด็กของร้านนี้

      “นี่ ปกเสื้อมันไม่ใช่แบบนั้นนะจ๊ะ”

   คุณแม่ส่งเสียงเอ่ยทัก

      “จริงๆ เลยนะ….มันต้องใส่แบบนี้จ๊ะ”

   แล้วท่านก็เดินเข้ามาจัดระเบียบให้
   ท่อนบนเป็นเสื้อมีปกสีขาว กับท่อนล่างเป็นกางเกงแสล็คสีดำ
   แน่นอนว่าเป็นแบบเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิง ทั้งหมดทั้งมวลถูกเลือกสรรมาให้โดยคุณแม่
   เสื้อผ้าชุดนี้ไม่ได้ฉูดฉาดอะไรมากมายจนทำให้ดูเหนื่อยที่จะมาต้องระวัง แถมยังเคลื่อนไหวง่าย และยังใส่สบายอีกด้วย
   อย่างน้อยก็ไม่ใช่ชุดโกธิค-โลลิ หรืออะไรที่มีจีบระบายฟรุ้งฟริ้งอย่างกระโปรงชุดเมดล่ะนะ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่แอบกังวลอยู่ลึกๆ ว่าพวกท่านจะไปเสาะหามาให้ใส่เอาจริงๆ
   แต่กางเกงแสล็คนี่มันแอบแน่นแปลกๆ โดยเฉพาะช่วงสะโพก….ใส่แล้วแถวก้นมันหวิวๆ อ่ะ

   ที่เพิ่มเติมก็คือ-
  
      “อืออ รู้สึกแปลกอย่างที่คิดจริงๆด้วย…..”

   บ่นไป ก็เผลอเอามือไปจับสายที่หลังกับไหล่อีกรอบ นี่จับไปโดยไม่รู้ตัวหลายหนแล้วนะ
   ใช่แล้วล่ะ 「ผม」ใส่เสื้อชั้นในเป็นครั้งแรกในชีวิต
   นี่นะ การที่มีอะไรซักอย่างที่ไม่คุ้นเคยไปเกาะอยู่กับหน้าอก ยังไงมันก็ต้องรำคาญอยู่แล้วล่ะ
   เพราะว่าพ่ายแพ้ให้กับการประสานเสียงบอกให้ใส่ ของคุณผู้ปกครองทั้งสองขณะที่กำลังจะแต่งตัวน่ะสิ
   แล้วก็ คงไม่สามารถหาอะไรไปหักล้างทฤษฎีแรงดึงดูดได้ด้วย เพราะถ้าไม่ใส่แล้วขยับตัวเร็วๆ มันก็จะส่ายอย่างไม่น่าดูยังไงล่ะ

   (ต้องรับความเป็นจริงให้ได้)
   「ผม」พร่ำสะกดจิตตัวเองเช่นนี้ในหัว ขณะที่แม่มาช่วยใส่เสื้อชั้นในตัวปัญหาเมื่อช่วงเช้า
   ขณะที่เนื้อผ้านิ่มนวลสัมผัสเข้ากับเนินนูนบนหน้าอกของ และตะขอรัดหลังลงล็อคเข้าหากัน 
   ก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมากๆ กำลังพังทลายลง
   สิ่งที่ทำได้ก็คือส่ายหัว แล้วรีบเบี่ยงประเด็นความคิดไปเรื่องอื่น

   (ทั้งหมดก็เพื่อร้าน...เพื่อร้าน...)

   ฉะนั้นแล้วในกรณีนี้ เรื่องที่ว่า 「ผม」น่ะเป็นผู้ชายนะ รึเปล่าคงต้องเอาไว้ก่อนแล้วล่ะ เพราะเวลาร้านเปิดไม่สามารถเลื่อนออกไปได้เพียงเพราะว่าไม่อยากใส่ชุดผู้หญิงหรอกนะ เพราะงั้นจะมาเสียเวลากับอะไรแบบนี้ไม่ได้

   ยังไงก็ตาม วันนี้「ผม」มีหน้าที่เป็นคนรับออเดอร์
   และตอนนี้「ผม」ใส่ผ้ากันเปื้อนสีขาวที่พ่อเตรียมไว้ให้ สวมทับบนชุดทำงานอีกชั้น
   นี่มันช่วยให้อุ่นใจได้นิดหน่อย เพราะว่ามันช่วยบังชุดที่ใส่อยู่ได้บ้าง โดยเฉพาะช่วงล่าง หรือถ้าจะให้เจาะจงก็คือกางเกงที่ค่อนข้างฟิต

   ขณะที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยพวกนี้ ร่างกายก็ขยับ เตรียมหลายๆ อย่างที่ควรทำก่อนเปิดร้าน 
   เช่น เดินไปเปิดวิทยุที่เป็นช่องเฉพาะ ที่จะรันเพลงใหม่ๆ ทั้งวัน ซึ่งที่ร้านใช้เป็น J○SRAC1 ซึ่งเสียรายเดือนอยู่ที่ 3,000 เยน
[1 J○SRAC : น่าจะหมายถึง JARAC (http://www2.jasrac.or.jp/eJwid/) เป็นบริการแบบรายเดือนของพวกผู้ประกอบการค่ะ ]

   กลุ่มลูกค้าหลักของช่วงนี้ ก็จะเป็นพวกนักท่องเที่ยววัยรุ่น หรือกลุ่มครอบครัวที่มาเล่นสกีในลานสกีของหมู่บ้าน
   สำหรับหมู่บ้านเฮียวเซย์แล้ว ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในรอบปี

   ถ้าจะบอกว่ายอดขายและรายได้หลักๆ ของร้าน ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานี้ก็ไม่เกินจริงไปนักหรอกนะ เพราะงั้น นี่คือศึกตัดสินล่ะ
   อาศรมหิมะ ที่ปกติจะไม่ค่อยมีลูกค้า มีแต่นกเท่านั้นที่จะมาเกาะหน้าร้าน บัดนี้เปิดทำการแล้ว แม้จะล่วงหน้าไปสิบนาทีก็เถอะ 
   และสิบนาทีจากนั้น เสียงกลไกของประตูหน้าร้านก็ดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงกระดิ่งดังสดใส

      “ยินดีต้อนรับ! ”

   ครอบครัวสี่คนเดินเข้าร้านมา ตามด้วยคู่รักสูงอายุ

      “เชิญทางนี้เลยค่ะ”

   กลุ่มลูกค้าสองกลุ่มที่เข้ามานี้ น่าจะเป็นคนที่หาอะไรรองท้องก่อนที่จะเข้าไปที่ลานสกี 
   เราสามารถบอกถึงชนิดของลูกค้าได้ จากการอนุมาน ด้วยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ เช่นเวลาที่ก้าวเข้ามาในร้าน, บรรยากาศ และสไตล์การแต่งตัว ของคุณๆ ลูกค้าทั้งหลาย

      “ขอราเมงสอง แล้วก็แกงกะหรี่สอง”

   อันดับแรก 「ผม」รับออเดอร์จากกลุ่มครอบครัวสี่คนก่อน แล้วเดินไปบอกหลังร้าน

      “จัดไปー”

   เสียงคุณพ่อขานรับออเดอร์ดังส่งออกมาจากในครัว
   กลุ่มครอบครัวสี่คนที่มา ล้วนใส่ชุดเล่นสกีสีแดงสดเข้าชุดกันเหมือนนัดกันมา เป็นคู่รักคุณพ่อ-คุณแม่ เด็กผู้ชายที่คาดคะเนอายุคร่าวๆ น่าจะเป็นเด็กประถม และเด็กผู้หญิงที่อ่อนกว่าเล็กน้อย ซึ่งคิดว่าอีกซักพักน่าจะไปต่อกันที่ลานสกีของหมู่บ้าน
   
      “อ๊ะ หนูเป็นเด็กมัธยมต้นใช่มั๊ยจ๊ะ? ดีจังเลยยังเด็กอยู่มาก แต่ก็ช่วยงานที่บ้านได้ขนาดนี้….นี่โคตะ ดูหนูคนนี้เป็นตัวอย่างนะ ลูกน่ะวันๆ เอาแต่เล่นเกม ช่วยแม่ทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ บ้างก็ยังดี”

   เด็กชายที่น่าจะอยู่ราวๆ ประถมห้า หรือประถมหก กำลังเล่มเกมจากเครื่องเล่นมือถือ ทำหน้ามุ่ยใส่คุณแม่ที่บ่นใส่ แล้วก็ยักไหล่ตอบอย่างหงุดหงิด

   


   คู่รักสูงอายุที่มาเที่ยวออนเซ็นของหมู่บ้านเอ่ยปากขอบคุณ「ผม」 ขณะที่กำลังเสิร์ฟน้ำชา

      “ขอบคุณนะคุณหนู”

      “หนูคนนี้ น่าจะอายุไล่ๆ กับหลานสาวของพวกเราเลยเน้อー จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ”

   ขณะวางน้ำชาลงเสิร์ฟก็แอบดีใจนิดๆ ที่ลูกค้าสูงวัยสองคนนี้ให้ความเอ็นดูเหมือนลูกหลาน
   (รู้สึกแปลกๆ อ่ะ ทั้งที่ปกติจะไม่ค่อยมีคนมาชวนคุยแท้ๆ )
   เพราะว่าปกติแล้ว ลูกค้าจะมาเพื่อทานข้าว ทานขนม คุยธุระ แล้วก็จะกลับออกไปเมื่อทำสิ่งที่ต้องทำเสร็จ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะต่างออกไป
   ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เฉพาะแค่วันนี้หรือเปล่า แต่ก็สัมผัสได้ว่าอะไรๆ มันไปได้ดีจัง 

      “ขอโทษคร้าบ มารับออเดอร์หน่อยคร้าบ”

      “ค่าー ซักครู่นะคะ”

   「ผม」ขานรับขณะที่กำลังเก็บแก้วกับจานที่ลูกค้าก่อนหน้าทานเสร็จแล้ว ใส่ถาด
   ใกล้แล้วล่ะ สัมผัสได้ว่าคลื่นลูกค้าลูกใหญ่กำลังจะมาในอีกไม่นานแว้ว






Comments

  1. รอเวลาข่าวลือแพร่กระจาย

    ReplyDelete
  2. ลูกค้าก็มีมานิหว่า
    หรือว่า เพราะมีแต่ผู้ชาย เลยขายไม่ดี
    ตอนนี้ มี 2 สาว เลยขายได้

    ReplyDelete

Post a Comment