013 - การพบกันครั้งแรก...เหรอ?






แปล : Ayumin3310



      “เอาล่ะ มาลองกันเถอะ ทีนี้ถอดชุดที่ใส่ออกสิจ๊ะ”

   คุณแม่เอ่ยขึ้นพร้อมเผยรอยยิ้มสดใส

      “ด-เดี๋ยวก่อนสิฮะ! ”

   ขณะ「ผม」พยายามจะหนี แต่โชคร้ายที่มือข้างหนึ่งถูกคุณแม่จับล๊อคไว้ และมืออีกข้างของท่านก็กำ เสื้อชั้นใน ตัวนั้นเอาไว้

      “จ...จ...ใจ「ผม」ยังไม่พร้อม―”

      “ลูกควรจะรีบลองใส่นะ เผื่อว่าใส่ได้ไม่พอดี จะได้รีบเอาไปเปลี่ยนไงล่ะ”

      “แต่...แต่ว่า อยู่ๆ จะให้「ผม」มาลองเลยนี่มันก็….”

   ตอนนี้ในหัวกำลังหมุน เพื่อหาข้ออ้างดีๆ ที่จะทำให้หลุดจากสถานการณ์ตรงหน้าไปได้ แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
   จากการร้องขอ เริ่มกลายเป็นการอ้อนวอน
   คุณแม่หันไปมองหน้าคุณพ่อด้วยสีหน้าอ่อนใจ

      “แหม ยูคิยะยืนกรานขนาดนั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

      “นั่นสินะ ก็เพิ่งกลายเป็นเด็กผู้หญิงได้ไม่นานนี้เองนี่นะ”

   「ผม」ยกมือขึ้นทาบอก อย่างน้อยก็พอช่วยให้รอดไปได้หนหนึ่ง
   ก็ปฏิเสธหลังชนฝาขนาดนั้น
   พอโล่งใจได้เปราะหนึ่งก็เริ่มหันเหความสนใจไปที่การเก็บกวาดร้าน
   ว่าแต่รอยยิ้มของคุณแม่ตะกี้มันน่ากลัวจริงๆ นะ
   แล้วก็ ขอแค่เรื่องนั้นไว้เถอะ มันเป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้ว
   ถ้าหลวมตัวยอมไป รู้สึกว่าสิ่งที่ยึดมั่นมาตลอดมันจะสูญหายไป


   ว่าแต่ ไม่ได้กลับมาที่ร้านตั้งสองอาทิตย์
   อย่างน้อยก็ขอเก็บกวาดทำความสะอาดร้านสักหน่อยเถอะ
   ด้วยว่าเพียงคุณพ่อตัวคนเดียว คงไม่สามารถเก็บได้หมดทุกเม็ด ทุกรายละเอียด
   ลำพังแค่ดูแลร้านกับจัดการเรื่องในครัวก็คงเหนื่อยแล้ว

   ตัวอย่างที่เห็นชัดๆเลยก็ แค่ป้าย OPEN หน้าร้านก็ลืมพลิกกลับ

      “โอ้ ขอบใจนะ ยูคิยะ”

      “จ้า―”

   สำหรับ「ผม」แล้ว ตอนนี้ขอแค่ให้มีอะไรให้หันเหความสนใจ ได้ออกแรงขยับตัวก็พอ
   เพราะถ้ามัวแต่นั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย ก็จะคิดแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ในห้วงความคิดก็จะมีแต่เรื่องลบๆ

      “ทำไม「ผม」ต้องกลายเป็นเด็กผู้หญิงกันน้า…..”

   แบบนี้ไง…

   ตอนนี้กลับมานั่งที่หลังเคาน์เตอร์ที่ประจำ
   รู้สึกตัวอีกทีไม่ทันไร พระอาทิตย์ก็เริ่มลับขอบฟ้าไปแล้ว

   พระอาทิตย์จะตกเร็วกว่าปกติในช่วงฤดูหนาว

   ช่วงเวลาราวๆนี้ ข้างนอกจะมืดลงเร็วมาก
   จากนั้นเสียงกระดิ่งที่ประตูหน้าร้านก็ดังขึ้น หันไปเห็นมีลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน

      “ยินดีต้อนรับ….”

      “รบกวนด้วยนะค๊า―! ”

   เสียงหวานใสดังคุ้นหูนี่มัน

   (อ่ะ นัทสึมิจังล่ะ! )

   เจ้าของเสียงนั้นคือ ฮาซึกิ นัทสึมิ

   สาวน้อยที่เดินเข้ามานั้น มีผมยาวประบ่า ใส่ชุดวอร์มสีน้ำเงินกรมท่า คลุมทับด้วยเสื้อโค๊ทหนา พร้อมผ้าพันคอสีแดงลายขาวพันอยู่รอลำคอ
   เธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่มักจะมาทานเซ็นไซ1ที่ร้านเป็นประจำ
[1 ぜんざい(Zenzai) : ถั่วแดงหวานต้มโมจิ]
Zenzai : https://www.sirogohan.com/recipe/zenzai/



      “รบกวนด้วยครับ”

   คนที่เดินตามเข้ามาติดๆ กันเป็นเด็กหนุ่มที่สวมเสื้อโค๊ททับชุดเครื่องแบบนักเรียน เป็นเพื่อนสมัยเด็กอีกคนมีชื่อว่า ซาเอกิ โทโมโนริ
   แลดูเหมือนกับว่าทั้งคู่กำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากชมรม หมายความว่าชมรมเริ่มทำกิจกรรมกันแล้วสินะ

   ทั้งสองคนเรียนที่มัธยมต้นเฮียวเซย์ เป็นเพื่อนร่วมชั้นของ「ผม」
   ส่วนนัทสึมิจังนั้น ก็ยังเป็นลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้านเฮียวเซย์แห่งนี้อีกด้วย

      “ว๊าวว น่ารักจังเลย! นี่สินะยูคิยะจังที่คุณลุงพูดถึง ”

   นัทสึมิจัง มองมาด้วยสายตาเป็นประกาย

      “สุดยอดด! เป็นเด็กที่น่ารักจริงๆด้วย!..... ”

   โทโมโนริก็ร้องออกมาด้วย

   น-น่ารัก...งั้นเหรอ?

   พอได้ฟังจากสองคนนี้ ที่คุ้นหน้ากันแล้วมันน่าอายยังไงก็ไม่รู้
   พอถึงตรงนี้ก็เริ่มสับสนแล้ว ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้า
   แต่ดูเหมือนกับว่าทั้งสองคนจะมาที่ร้านในช่วงที่「ผม」ไม่อยู่ และคุณพ่อคงเล่าเรื่องการย้ายสลับบ้านกันของยูคิยะทั้งสองคนให้ฟังไปแล้วสินะ

   รำลึกสตอรี่อีกทีก็คือ 「ผม」คือยูคิยะจัง ที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง ย้ายโรงเรียนมาจากโตเกียวด้วยปัญหาสุขภาพ

   ส่วนจะเอาไงต่อ….ไม่รู้แล้ว ด้นสดไปละกัน

      “อ่า 「ผม」...ไม่สิ…..”

   เด็กผู้หญิงที่ไหนเค้าจะใช้คำว่าผมกันเล่า ไม่ได้ๆ

      “ฉันชื่อ คิตาฮาระ ยูคิยะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ นัทสึมิจัง”

      “ยินดีที่ได้รู้จักนะยูคิยะจัง ว่าแต่ นี่รู้จักชื่อฉันได้ยังไงเนี่ย? ”

   นัทสึมิใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มเบาๆ แล้วเอียงคอสงสัย
   แย่ที่สุด ยังไม่ทันไรก็พลาดซะแล้ว นัทสึมิยังยังไม่ทันได้แนะนำตัวเลย จากนั้นความรู้สึกเย็นวูบที่หลังก็ตามมา

      “เอ๋? เพราะว่าคุณพ่...คุณลุงบอกมาน่ะ”

   เอาล่ะ แถได้อย่างงดงาม

      “อย่างนี้นี่เอง ทางนี้เองก็ได้ยินเรื่องของยูคิยะจังจากคุณลุงมาเหมือนกันล่ะ”

   รอยยิ้มกว้างวาดขึ้นบนใบหน้าของนัทสึมิ แสดงถึงการเชื่ออย่างสนิทใจ
   จนทางนี้ได้แต่ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

      “ว่าแต่นี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ ว่ายูคิยะจะมีลูกพี่ลูกน้องด้วย”

   อื้มนี่ก็ไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกันแหละ

      “โอ้ ส่วนเราชื่อ ซาเอกิ โทโมโนริ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ยูคิยะจัง”

      “ย-ยินดีที่ได้รู้จักนะ ซาเอกิคุง”

   แล้วไหงมาหน้าแดงใส่เล่า เจ้าโทโมโนริ แต่แลดูสบายดีก็ดีแล้ว
   โทโมโนรินั้นเป็นคนหน้าตาหล่อเหลา ค่อนข้างป๊อบปูล่าในหมู่สาวๆ พอตัวเลยทีเดียว
   แต่ไม่ใช่ในฐานะเพื่อนเด็กผู้ชายที่รู้ใส้รู้พุงกันดีหรอกนะ โทโมโนริน่ะ ออกจะเงียบๆ หดหู่ๆ แถมยังลามกอีก
   ซึ่งนั่นก็น่าจะเรียกว่าเป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชายวันรุ่นสุขภาพดีไม่ใช่เหรอ ที่มักจะคุยเรื่องทะลึ่งกันเฉพาะในกลุ่ม
   นอกจากนั้น「ผม」ยังรู้จุดที่ๆ หมอนี่ซ่อนขุมทรัพย์เอาไว้ในห้องนอนอีก นั่นคือหลังชั้นหนังสือ กับใต้เตียงน่ะสิ

       “ยินดีที่ได้รู้จักนะ! อีกสองวันจะถึงพิธีเปิดภาคการศึกษาแล้ว ไว้เดินไปโรงเรียนด้วยกันนะ! ”

   อุว๊า อยู่ๆ นัทสึมิจังก็มากุมมือด้วย สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากมือเลยแฮะ
   ถึงจะเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่เห็นกันมาแต่อ้อนแต่ออกก็เถอะ แต่สกินชิพจากเด็กผู้หญิงนี่มันต่างออกไปจริงๆ
   และวันนี้เพื่อนทั้งสองคนก็เลือกนั่งที่ประจำใกล้ประตูทางออกเหมือนเดิม
 
      “แต่ว่านะ ยูคิยะนี่ยังไงกัน นึกจะไปก็ไม่บอกกันซักคำ…...จะบอกลากันหน่อยก็ไม่ได้”

   น-นัทสึมิจัง….อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ
   นี่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกันนะ เพราะนี่ก็ไม่ทันตั้งตัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน ฉะนั้นเรื่องจะบอกลาใครอะไรนี่ก็คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้รู้สึกผิดขึ้นไปอีก

      “บ-บางทีที่ไม่ได้บอกลา อาจจะเพราะมีเรื่องด่วนอะไรก็ได้ ทางนี้มั่นใน ว่าไม่ใช่เพราะไม่แคร์หรอกนะ”

       “อย่างงั้นเหรอ?”

      “ยูคิยะคุงฝากบอกมาว่าจะติดต่อมาหลังจากทุกอย่างสงบลงแล้วน่ะ แต่นี่คิดว่าน่าจะยุ่งๆ อยู่แหละ”

   ต้องระวังตัว ไม่ให้กลายเป็นเรื่องโกหก เอาไว้คงต้องส่งข้อความจากคอมพิวเตอร์ถึงสมาร์ทโฟนของนัทสึมิจังทีหลังสินะ?

      “จริงเหรอ? ยูคิยะจัง เค้าบอกว่าจะติดต่อมาเหรอ? ”

   โน้มน้าวสำเร็จ

      “อ-อื้ม”

   ขณะที่บทสนทนาดำเนินไปเช่นนั้น 「ผม」ก็ไปยกเซ็นไซสำหรับสองที่มาเสิร์ฟที่โต๊ะ

      “ว่าแต่ ยูคิยะจังก็ช่วยงานที่ร้านด้วยเหรอจ๊ะ”

      “เอ๊ะ? อ่า ใช่แล้วล่ะ เพราะว่านี่ก็อาศัยอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกันน่ะ”

      “นั่นน่ะ เยี่ยมไปเลย เห็นทีฉันต้องเอาอย่างบ้างแล้วล่ะ”

   นัทสึมิจังก็ยังเป็นนัทสึมิจังนั่นแหละนะ เป็นลูกสาวของผู้นำชุมชนมันก็มีความลำบากในตัวของมันเองอยู่ การแบกรับความคาดหวังในเรื่องต่างๆ มันย่อมมากกว่าการเป็นเด็กที่โตมาในร้านอาหารอย่างเอาไปเทียบกันไม่ได้
   ขณะที่หันไป ก็สังเกตเห็นชุดวอร์มสีน้ำเงินกรมท่าที่นัทสึมิจังใส่อยู่ พร้อมทั้งไม้แร็กเกตวางอยู่ข้างๆ นั่นเพราะว่านัทสึมิจังอยู่ชมรมซอร์ฟเทนนิสน่ะสิ
   ทั้งสองคนหยิบตะเกียบที่จัดเตรียมไว้ให้ขึ้นมา แล้วเริ่มลงมือทานเซ็นไซที่สั่งไว้

      “ยูคิยะคุงไม่อยู่แล้ว พวกเธอเหงากันมั้ย? ”

   ฉันเอ่ยปากขึ้นถามเพื่อนสมัยเด็กทั้งสองที่กำลังทานเซ็นไซอย่างเอร็ดอร่อย
   มาคิดดูแล้ว 「ผม」ไม่ควรที่จะมีตัวตนอยู่บนโลกนี้แล้วไม่ใช่เหรอ….พอคิดแบบนั้นแล้วน่าเศร้านะ

      “อื้ม…..เหงาสิ ก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังเด็กๆ เลยนี่นะ”

      “ตอนที่เรากับนัทสึมิรู้ว่ายูคิยะไม่อยู่แล้ว ยัยนี่เกือบจะร้องไห้ออกมาเลยล่ะ เอาซะสงสัยเลยล่ะ ว่าอาจจะแอบชอ….”

   ปึ้กก !

   ทันใดนั้น โทโมโนริก็ก้มหน้าทรุดลงบนโต๊ะด้วยความเจ็บปวด เพราะถูกนัทสึมิเตะหน้าแข็งเข้า

      “เจ็บบบบ! ทำอะไรน่ะ! ”

      “แหมแหม พื้นมันลื่นน่ะ โฮะโฮะโฮะ...”

   ลื่นทั้งที่นั่งเฉยๆ นี่นะ?

      “เป็นไรมั้ย? โทโมโนริคุง”

   ลูกเตะของนัทสึมิจังนี่ แม้แต่เบ็งเคย์1 ถ้าโดนเข้าไปยังร้องไห้เลยนะ
[1 弁慶(Benkei) : ชื่อเต็มๆว่า 西塔武蔵坊弁慶(Saito Musashibo Benkei) เป็นพระนักรบที่มีตัวตนอยู่จริงๆ อยู่ในช่วงยุคสงครามเฮจิ(ราวๆ ศตวรรษที่17) เป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ ท่าทีดุดัน เสียจนได้รับฉายาว่า 鬼若(Oni-waka) ที่แปลว่า “ลูกยักษ์” ]

      “ม-ม-ม-ไม่เป็นไร ยังไหวอยู่ครับ ยูคิยะจัง”

   ดูยังไงก็เจ็บแหงๆ …...สมเป็นโทโมโนริผู้บอบบาง นี่เลยไม่ได้ฟังต่อจนจบเลย….

      “โทโมโนริคุงล่ะ เหงามั้ย?”
 
      “ออกแนวเศร้ามากกว่า…...ก็อยู่ด้วยกันมาตลอดนี่นะ…...”

   มิตรภาพลูกผู้ชายมันดีแบบนี้นี่เอง
   แต่อีกใจหนึ่งก็เดาว่าในหัวของหมอนี่คงลิงโลดแล้ว ที่มี ยูคิยะจังที่เป็นเด็กผู้หญิง มาแทนน่ะ

      “อ่ะ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะไม่ชอบยูคิยะจังเพราะเรื่องนั้นหรอกนะ กลับกันเลย ดีใจมากเลยล่ะ”

   เห็นมั้ยล่ะ รับทราบแล้วจ้าาา ก็เป็นเจ้าหมอนี่นี่นะ

   หลังจากที่ทั้งสองคนจัดการเซ็นไซจนเกลี้ยงและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว นัทสึมิจังก็หันมาพูดด้วยอีกรอบ

      “งั้น ยินดีที่ได้รู้จักนะ! แล้วก็วันเปิดภาคเรียนเดี๋ยวเรามาหาที่นี่ จะได้เดินไปโรงเรียนด้วยกัน! ”

      “อ-อื้ม จะรอนะ….. ”

   「ผม」โบกมือลาส่งนัทสึมิจังกับโทโมโนริ ที่เปิดประตูกลับออกไป
   ทั้งสองคนหันกลับมาโบกมือรับ แล้วเดินออกไป
   รอดมั้ยนะ? นัทสึมิจังยิ่งสัญชาติญาณดีอยู่ด้วย
   จะปิดไปได้นานขนาดไหนกัน ความลับเรื่องของยูคิยะจัง กับยูคิยะคุง
   นั่นค่อยว่ากัน แต่สิ่งที่แน่นนอนแล้วก็คือ….
 
   โรงเรียนที่จะเปิดในอีกไม่กี่วันข้างหน้านั่นต่างหากล่ะ แค่คิดก็ปวดหัวรอแล้วง่ะ…..





Comments

  1. หลังชั้นหนังสือ กับ ใต้เตียงน่ะ เป็นที่ซ่อนของลูกผู้ชายทั้งนั้นแหละ (ก็ในห้องมันไม่มีที่ซ่อนอื่นนี่หว่า)

    ReplyDelete
  2. เพื่อนสนิท คิดไม่ซื่อ ถถถถ+

    ReplyDelete

Post a Comment