009 - เริ่มฝึก...?



แปล : Ayumin3310



   เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น
   「ผม」ตื่นขึ้นเวลาเดิมเหมือนก่อน
   แสงของวันใหม่ลอดช่องว่างของผ้าม่านเข้ามา เป็นสัญญาณบอกว่าวันนี้อากาศน่าจะแจ่มใส
   และเมื่อดึงผ้าม่านเปิดออกก็พบว่าบนฟ้ายังมีเมฆลอยเฉื่อยอยู่บ้าง แต่ก็ยังนับว่าอากาศดีอย่างที่คาด
   มึนหัว--
   หัวใจยังคงความตื่นเต้นต่อเนื่องมาจากเมื่อวาน
   ทำให้เช้านี้แตกต่างจากเช้าของเมื่อวานนี้ประหนึ่งอยู่บนดาวคนละดวง
   บ้านหลังนี้ ไม่ได้มีกันแค่สองพ่อลูกอีกแล้ว สิ่งที่ทำให้เช้าวันนี้ต่างออกไปคือ คุณแม่ก็มาอยู่ที่นี่ด้วย


   เดินออกมาจากห้องลงมาที่ห้องครัวของพื้นที่ร้านที่ชั้นล่าง
   ต๊อกต๊อกต๊อก...เสียงมีดหั่นผักกระทบกับเขียงดังส่งเสียงมาแต่ไกล
   กลิ่นหอมอ่อนๆ ของซุปเต้าเจี้ยวที่ตั้งบนเตาโชยมา คุณแม่คงกำลังเตรียมมื้อเช้า

      “อรุณสวัสดิ์ฮะ คุณแม่”

   แม่หยุดสิ่งที่ทำอยู่ตอนที่ได้ยินเสียง แล้วหันกลับมา

      “อรุณสวัสดิ์จ๊ะ ยูคิยะ ตื่นเช้าจังนะ―”

   คุณแม่ภูติหิมะมีแววความประหลาดใจเผยขึ้น แต่ก็โปรยยิ้มอ่อนโยนกลับมา
   อื้ม คุณแม่นี่สวยจริงๆ นั่นหละน้า―
   ตอนนี้「ผม」คงเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกล่ะ ตื่นมาตอนเช้าก็มีแม่ทำกับข้าวรอไว้ พอคิดตามนี้หัวใจก็พองโตขึ้นมา

      “ว่าแต่ โชวยุเก็บอยู่ไหนนะ? ไม่อยู่เป็นสิบปี แม่ลืมไปแล้วล่ะว่ามันไปเก็บไว้ไหน―”
      “ตรงนี้ฮะคุณแม่”

  พลางเอื้อมขึ้นไปเปิดตู้เก็บของที่ใช้เก็บเครื่องปรุงทั้งหลายทางด้านหลัง แล้วหยิบโชวยุออกมา

      “นี่ฮะ”
      “ขอบใจนะ ยูคิยะ”

   แล้วแม่ก็หันกลับไปทำอาหารเช้าต่อ
   แค่การพูดคุยแลกเปลี่ยนสั้นๆ ด้วยเรื่องธรรมดาๆ ยังทำให้จิตใจเบิกบานได้ขนาดนี้

      “จะให้ช่วยอะไรอีกก็บอกได้เลยนะฮะ”
      “แหม….พอดีเลย งั้นช่วยแม่จัดโต๊ะหน่อยได้มั๊ยจ๊ะ?”
      “อื้ม”

   「ผม」หยิบเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับการกินข้าวออกมาจัดโต๊ะ ชามสามใบ ตะเกียบสามชุดจัดบนจาน

      “ลูกดูคุ้นเคยกับงานบ้านมากเลย นี่คอยช่วยคุณพ่ออยู่เสมอเลยสินะ”
      “ม-ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกฮะ”

   ตอบไปพลางใช้นิ้วเกาหน้าเบาๆ แก้เขิน จากคำพูดของแม่ที่คล้ายเชิงชมเชยเบาๆ
   อาหารเช้าถูกตระเตรียมถูกนำมาจัดวางเรียงบนโต๊ะ หลังจากที่ทุกอย่างพร้อมสรรพ ยูคิโนะก็ถอดผ้ากันเปื้อนออก

      “เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว เหลือก็แต่รอพ่อสินะ”
      “อื้อ นั่นสินะฮะ”

   แต่ดูเหมือนคุณพ่อจะยังไม่ตื่น

      “เฮ้อ คุณพ่อเนี่ย เป็นแบบนี้ตลอดเลย”

   「ผม」นั่งลงรอที่โต๊ะกินข้าว เท้าคางบนพื้นโต๊ะแบบที่ทำบ่อยๆ เป็นประจำ

      “ยูคิยะ มานี่สิ”
      “เอ๋? อะไรเหรอฮะ?”

   อยู่ๆ คุณแม่ก็เรียกขึ้นมา จึงลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปหาท่านอย่างที่ไม่ได้คิดอะไร
   คุณแม่จับผมที่เพิ่งยาวขึ้นไม่นานของ「ผม」อย่างอ่อนโยน

      “!?”

   รู้สึกตัวอีกที ท่านก็หยิบหวีไม้ไผ่ทรงญี่ปุ่นที่สวยมากออกมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วเริ่มสางผมสีดำขลับบนมือ
   จะว่าไป ตอนนี้ผมบนหัวกระเซิงมาก ด้วยว่าไม่เคยชินกับการที่ผมยาวก็ว่าได้
   คุณแม่คงเห็นแล้วอดไม่ได้ จึงเรียกไป แล้วช่วยค่อยๆ หวีให้อย่างเบามือ

      “ลูกต้องเริ่มหัดดูแลผมของตัวเองบ้างแล้วนะ”
      “อ-อื้ม…...”

   ในฐานะที่เป็นคนที่ทำงานในร้านอาหาร จะดูโทรม ดูกระเซอะกระเซิงคงไม่ดีนัก ผมที่ยาวออกมามาก เวลามันยุ่งแล้วจะดูแย่กว่าผมสั้นมาก เพราะงั้นต้องอาศัยการดูแลที่มากกว่าเดิม ลูกค้าที่จะเข้าร้านไม่สนใจหรอกว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ถ้าภาพลักษณ์ภายนอกดูมอมๆ โทรมๆ เป็นใครก็คงเบือนหน้าหนีตั้งแต่แว่บแรก

      “นี่ คุณแม่ฮะ ทำไมคุณแม่ถึงมาชอบคุณพ่อได้เหรอ?”

   ขณะที่ปล่อยให้แม่จัดระเบียบร่างกายให้อยู่นั้น บทสนทนาที่เกิดได้แค่เฉพาะแม่-ลูกก็โผล่ออกมาแบบไม่มีที่มาที่ไป

      “แหม ทำไมอยู่ๆ ก็ถามเรื่องนี้เหรอจ๊ะ”
      “เพราะว่า…...จากเหตุการณ์เมื่อวานก็ทำให้อยากรู้ขึ้นมาน่ะฮะ”

   ผู้เป็นแม่หยุดมือจากการหวีผม

      “นั่นสิน้า―”

   ยูคิโนะเงยหน้าขึ้นไปมองที่ฝ้าเพดาน เหมือนกำลังนึกย้อนความอยู่ครู่หนึ่ง

      “ก็คุณพ่อน่ะ สอนแม่เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ มากมาย ตลอดชีวิตของแม่ตั้งแต่เกิดมา รู้จักแต่ภูเขาเท่านั้นเอง ถึงจะรู้ถึงการมีอยู่ของมนุษย์ก็เถอะ แต่ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตของพวกเขาเลย จนวันหนึ่ง ก็ได้พบกับคุณพ่อเข้าน่ะ จากนั้นก็รู้ได้ว่าคนๆนี้แหละ ที่จะทำให้ความปรารถนาที่จะเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ของแม่ให้เป็นจริงได้”

   นึกภาพคุณพ่อสมัยยังเป็นหนุ่มกระทงวัยใสขนาดนั้นไม่ออกเลยแฮะ

      “ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มันมีบางสิ่งที่ทำให้แม่รู้สึกผูกติดกับพ่ออยู่นะ…..จะว่าไป แม่ก็อธิบาย บางสิ่ง ที่ว่าออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เหมือนกัน”
      “นั่นน่ะ มันยอดไปเลยนะฮะ”

   จากสิ่งที่ปรากฏออกมาเมื่อวาน การคุณแม่กับคุณพ่อนั้น ผูกพันธ์กันด้วยอะไรบางอย่างนั้นผิดแน่
   พอคิดแบบนั้นแล้วก็ทำให้รู้สึกได้ว่า 「ผม」นั้นช่างเป็นเด็กที่มีความสุขเอามากๆ
   แต่…..มันก็ยังมีอะไรบางอย่างที่ยังค้างอยู่ในใจ
   ทำไมท่านถึงต้องบอกลา แยกจากกันถึง 14 ปี ทั้งที่รักกันขนาดนั้น?
   ปล่อยให้「ผม」โตมากับคุณพ่อแค่สองคน
   เมื่อวาน ท่านพูดถึงเหตุผลคร่าวๆไปแล้วก็จริงว่า เพราะเทพภูเขาโกรธ ท่านเลยต้องกลับไป….ใจจริงอยากรู้รายละเอียดมากขึ้น แต่ก็ตัดสินใจที่หยุดประเด็นเอาไว้
   และในที่สุด คุณพ่อก็ตื่น

      “โอ้ อรุณสวัสดิ์ ยูคิโนะ ยูคิยะ”

   พ่อเดินเกาหัวแกรกๆ ออกมาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดที่ขึ้นเป็นตอเหมือนที่เห็นเป็นประจำ

      “ตื่นสายนะพ่อ”
      “อรุณสวัสดิ์ค่ะ ชูจัง มาทานข้าวเช้ากันเถอะ”

   คุณพ่อหน้าหนวดมองมาทาง「ผม」ที คุณแม่ที

      “ฟุว้าา….สองคนนี้ตื่นเร็วกันทั้งแม่ทั้งลูกเลย”

   พูดจบก็หาวคำโต
   ดูเหมือนว่า สำหรับคุณพ่อแล้ว พวกเราสองแม่ลูกจะเป็นนกกระจิบตื่นเช้าเหมือนกัน





      “ทานละนะคะ/ครับ”

   พวกเราสามคนประสานเสียงกันก่อนที่จะลงมือกินมื้อเช้ากันพร้อมหน้า
   นี่นับเป็นมื้อเช้าที่ดีที่สุดในชีวิตเลยล่ะ
   ถึงแม้ว่าอาหารบนโต๊ะจะไม่ได้พิเศษ หรือต่างออกไปจากวันอื่นๆ ที่「ผม」เป็นคนทำก็ตาม
   มื้อเช้าพร้อมหน้ากัน กับข้าวฝีมือคุณแม่
   อยากให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้ ไม่อยากให้มื้อเช้านี้จบลง
   ตอนนี้「ผม」หวังเอาไว้แค่นั้นจริงๆ
   เสียงบอกเวลาของนาฬิกาโบราณดังก้องไปทั่วห้อง
   หลังจากใช้เวลาร่วมโต๊ะกินข้าวร่วมกัน เวลาผ่านไปแล้วราวหนึ่งชั่วโมง เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลา 10 นาฬิกา เป็นสัญญาณบอกว่าใกล้ถึงเวลาเปิดร้าน

      “โอ๊ะ ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย”

   คุณพ่องึมงัมขณะที่มองนาฬิกา คุณแม่ก็พลันลุกขึ้น

      “เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว ถ้าออกตอนนี้ก็น่าจะมีเวลามากพอที่จะกลับไปบนภูเขาโดยไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”
      “งั้นเหรอ เสียดายจังที่ได้เจอกันแค่แป๊บเดียว…..”

   แล้วพ่อก็หันมาพูดด้วยว่า

   “รักษาตัวนะ ยูคิยะ”
   “เห? หมายความว่ายังไงน่ะพ่อ?”

   ทำไมอยู่ๆ มาบอกลา「ผม」ล่ะ?

      “เมื่อวานพ่อไม่ได้บอกเหรอ ว่าแม่จ๋าจะมาพายูคิยะไปฝึกบนภูเขาน่ะ?”
      “ห้ะ?  ทำไม 「ผม」น่ะเหรอ?...”

   คุณแม่เริ่มอธิบายทันทีที่เห็นผู้เป็นลูกเริ่มสับสน จับต้นชนปลายไม่ได้

      “ยูคิยะ การที่สายเลือดภูติหิมะในตัวลูกตื่นขึ้นมา ลูกต้องบังคับพลังของตัวเองให้ได้ ก่อนที่พลังจะล้นเอ่อแล้วก็ระเบิดออกมาจนลูกไม่สามารถควบคุมได้นะ ซึ่งเพื่อการนั้น ลูกต้องขึ้นไปฝึกบนภูเขากับแม่จ๊ะ”
      “เอ๋? อ-อะไรนะฮะแม่? เดี๋ยวนะ? ”

   พอมาคิดๆ ดูแล้วก็เห็นเคยได้ยินอะไรคล้ายๆ แบบนั้นมาจริงๆ นั่นแหละ ตอนแรกยังนึกว่าเป็นเรื่องตลก ก็ในเมื่อนี่เพิ่งได้เจอคุณแม่อีกครั้งเมื่อวานนี้นี่เอง

      “กลับขึ้นไปฝึกการเป็นภูติหิมะบนภูเขากับแม่จ๋าซะนะ”

   ภูติหิมะ―? ฝึก? ทันใดนั้น คุณแม่ก็วางมือลงบนบ่า「ผม」ดัง ปุ

      “อุว๊าาาาาาา― ย-เย็นนนน !”

   แว่บแรกที่ฝ่ามือของท่านสัมผัสร่างกาย ความเย็นเยือกก็เสียดแทงไปทั่วร่างกาย

      “โอ๊― ในบ้านเย็นวาบขึ้นมาเลย นี่แม่จ๋าของแกเข้าโหมดภูติหิมะแล้วสินะ?”

   คุณพ่อรีบเดินแล้วถลาตัวลงซุกในโต๊ะอุ่นขาเพื่อหลบจากอากาศเย็นเยือกที่เกิดจากพลังของคุณแม่
   จากนั้น คุณแม่ก็โอบกอดรอบตัวแล้วลาก「ผม」กรูดๆ ออกไปทั้งอย่างนั้น

      “ไปกันเถอะ ยูคิยะ อึ๊บ”
      “ปล่อยน๊าาาา! 「ผม」เกลียดความเย็นนนน―!”
      “อดทนหน่อยนะยูคิยะ เพื่อตัวลูกเองนะจ๊ะ”
      “พ๊ออออ!”
      “รักษาตัวนะ ยูคิยะ ไว้เจอกันหลังจากแกฝึกสำเร็จกลับมานะ อดทนเข้าไว้ แล้วก็ไม่ต้องห่วงที่ร้านหรอกนะ”
 


   นี่เอง นับเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิบานในฐานะของเด็กสาวภูติหิมะเต็มตัวของ「ผม」






Comments

  1. cool อ่านแล้วหายร้อนนิดๆแฮะ.....

    ReplyDelete
    Replies
    1. จริงเลย เรื่องนี้ยิ่งอ่านตอนเปิดแอร์เป่าตัวนะ
      โอ้โห โคตรได้พีล 555+

      Delete
  2. ยังรับไม่ได้แฮ่ะ เน้น ผม จัง ฮ่ะๆ เป็นผู้หญิงไปซ้าาาา

    ReplyDelete
    Replies
    1. ต้นฉบับก็ใช้คำว่า "ผม" เป็นคาตาคานะ (ボク : โบคุ) เหมือนกันค่ะ เหมือนกับต้องการเน้นเป็นพิเศษ
      ทั้งที่ตามปกติจะใช้เป็นคันจิ

      Delete

Post a Comment