016 - ตำนานของหมู่บ้าน




แปล : Ayumin3310



   ตอนที่เก็บสมุดฉีกและปากกาลงไปในประเป๋าผ้ากันเปื้อน และกำลังจะเดินออกไปนี่เอง หนึ่งในกลุ่มพี่ๆ นักศึกษาก็เอ่ยปากชวนคุย
 
      “คล่องจังเลยนะเธอน่ะ อยู่ ม.ต้นใช่มั้ย? ”

      “เป็นพนักงานพาร์ทไทม์เหรอ? ”

      “อ่า เปล่าหรอกค่ะ แบบว่าเป็นร้านของที่บ้านน่ะค่ะ”

      “เห๋ ช่วยงานที่บ้านด้วย น่ารักจริงๆ เลย ”

   วันนี้ถูกชมแบบนี้กี่หนแล้วหว่า?
   จากที่เมื่อก่อนไม่ค่อยมีลูกค้าชวนคุยอะไร…..นี่เองสินะ ความแตกต่างระหว่างเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง?
   ถ้าไม่มองในแง่ร้ายนัก การพูดคุยกับลูกค้ามันก็ไม่ได้เสียหายอะไร
   พอคิดได้ดังนั้นก็เลยเอ่ยถามกลับออกไปบ้างเพื่อไม่ให้บรรยากาศเป็นการสอบปากคำเกินไปนัก

      “ทุกคนมาจากไหนกันเหรอคะ? ”

      “พวกเราเป็นสมาชิกชมรมสกีในมหาวิทยาลัยน่ะ”

เท่าที่จับใจความได้จากการพูดคุยกัน ดูเหมือนว่าพวกพี่ๆ เค้าเพิ่งเดินทางมาถึงโรงแรมเมื่อเช้าตรู่วันนี้เอง โดยวางแผนว่าจะใช้เวลาอยู่ที่นี่ สามวันสองคืน

      “งั้นเดี๋ยวเสร็จจากนี่ก็จะกลับเข้าไปที่ลานสกีกันต่อสินะคะ? ”

      “อ่า ใช่แล้วล่ะ บ่ายนี้ว่าจะอยู่ที่ลานสกี แล้วพรุ่งนี้วางแผนกันว่าจะไปปีนเขาน่ะ”

      “เห๋ ปีนเขาเหรอคะ ”

   นอกจากลานสกีของเมืองที่ได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยมและเน้นไปที่ความปลอดภัยแล้ว หมู่บ้านเฮียวเซย์ยังมีคอสที่เรียกว่า สกี-เทรคกิ้ง เป็นคอสปีนเขาเพื่อไปเล่นสกี ในลานสกีธรรมชาติบนเขาเฮียวเซย์ ไว้สำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ชอบชื่นชนธรรมชาติที่สวยงาม และยังเน้นไปที่ความท้าทายอีกด้วย

   จุดเด่นของคอสเทรคกิ้ง-สกีก็คือ ทิวทัศน์ที่แสนงดงาม โดยเฉพาะในวันที่อากาศดีแบบนี้ แต่ว่าคอสนี้ก็มีความลำบากในตัวของมันเองอยู่

      “เทรคกิ้งช่วงนี้จะไม่ลำบากไปหน่อยเหรอคะ? ”

      “ไม่เป็นไรหรอก พวกเราไม่ฝืนนี่นา แถมก็ไม่ได้จะปีนไปถึงยอดเขาซักหน่อย ที่สำคัญอุปกรณ์ยังพร้อมมากด้วย ใช่มะ? ”

      “อ่าค่ะ”

   ตามจริงแล้ว แค่ดูจากชุดเล่นสกีที่ใส่ ก็พออนุมานเอาได้ว่าพวกพี่ๆ เค้าคงเลือกใช้แต่อุปกรณ์ดีๆ แพงๆ ล่ะนะ
   แต่ว่านะ เค้าล่ำลือกันว่าการปีนเขาเฮียวเซย์ในฤดูหนาวนั้น ยากกว่าภูเขาลูกอื่นๆ มาก โดยเฉพาะถ้าไม่ใช่นักปีนเขาที่เก่งมากพอนี่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
   แม้แต่คุณพ่อก็บอกว่าเคยลองพยายามอยู่หนหนึ่ง แม้ว่าตอนนี้จะไม่เห็นแม้แต่กลิ่นไอ หรือเงาของอดีตนักปีนเขาในตัวคุณพ่อได้เลยแม้แต่นิดเลยก็เถอะนะ

      “อย่างงั้นเหรอคะ…..แต่ว่าอากาศมันเปลี่ยนแปลงง่ายมากเลย โดยเฉพาะบนเขาเฮียวเซย์น่ะ เพราะงั้นก็ต้องระวังตัวกันให้มากๆ นะคะ ”

   ก็นะ ลำพังแค่คอส สกี-เทรคกิ้ง เฉยๆ ถ้าอุปกรณ์พร้อม ก็ไม่น่าจะอันตรายเท่าไหร่

      “ขอบใจนะ”

   ในทุกๆ ปี แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นภูเขา อย่างภูเขาเฮียวเซย์ จะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมากมาย
   หุบเขาเฮียวเซย์นั้นมีวิวที่แสนสวยงามก็จริง แต่หากศึกษาลึกลงไปแล้วจะพบว่าเป็นดั่งฝันร้ายของบรรดานักปีนเขาเลยล่ะ เรื่องนั้นรับประกันได้เลย จากบรรดานิตยสารที่เกี่ยวกับการปีนเขาทั้งหลาย
   และด้วยเหตุผลนี้เอง ทาง สมาคมการท่องเที่ยวและการค้าหมู่บ้านเฮียวเซย์ จึงได้ตั้งมาตรการรักษาความปลอดภัยขึ้น โดยจะเป็นการให้คำเตือนถึงบรรดานักท่องเที่ยว และปีนเขาทั้งหลายที่ตั้งเป้าที่จะมาเยี่ยมเยือนหุบเขาแห่งนี้



      “วันที่แดดดีๆ จะเห็นยอดเขาเฮียวเซย์ได้จากตรงนี้เลยนะคะ สวยมากเลยล่ะ แล้วก็ถ้าเดินขึ้นไปช่วงเนินเขา ก็จะได้เจอกับทุ่งเกล็ดน้ำแข็ง สะท้อนแสงแดดระยิบระยับ แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ตรงนั้นจะเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างสุดลูกหูลูกตาเลยล่ะค่ะ ความรู้สึกจะเปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่องเลย   ”

      “คล่องชะมัดเลยนะ เธอนี่”

      “ค่ะ ก็เป็นคนท้องที่นี่คะ ก็เลยมีโอกาสได้ขึ้นไปที่นั่นบ้างเหมือนกัน”

   ถ้าไม่นับการฝึกแบบสปาตันจากคุณแม่แล้ว ก็มีประสบการณ์ได้ไปเดินป่าบนนั้นอยู่บ้างตามโอกาสต่างๆ กัน อย่างพวกทัศนศึกษาหรือ คาบการศึกษานอกห้องเรียนกับที่โรงเรียน

      “อย่างนี้นี่เอง เอาซะอยากให้เธอนำเที่ยวให้พวกเราเลยนะน่ะ ”

   ทางนี้ได้แค่ยิ้มขมๆ แทน ไม่อยากปฏิเสธด้วยคำพูดเลยแฮะ

      “ไม่ไหวหรอกค่ะ แต่ถ้ามีเรื่องไหนสงสัยก็ถามได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกเรื่องเลย อ่ะ แล้วก็อย่าอยู่ดึกกันเกินไปนะคะ ถ้าจะดื่ม ก็รอไว้ฉลองพรุ่งนี้เย็นทีเดียวดีกว่าค่ะ ”

   พอถึงจุดๆ นี้ เสียงหัวเราะก็ดังครืนออกมาจากกลุ่มเด็กนักศึกษา
   บทสนทนาเป็นไปได้อย่างลื่นไหลจริงๆ แฮะ―
   ทันใดนั้น เสียงหวานก็ดังออกมาจากข้างหลังของ「ผม」

      “ทริปวันพรุ่งนี้น่ะ…...ยุบไปก่อนดีกว่านะคะ”

   เสียงกังวาลใสแต่เด่นชัดนั้นหยุดทุกเสียงหัวเราะที่กำลังดำเนินอยู่

      “โอ…...สาวสวยล่ะ”

      “จริงด้วย….สวยมากเลย”

   ทุกคนในที่เกิดเหตุ ณ ตรงนั้นได้แต่อึ้ง อาจจะเป็นเพราะไม่มีเด็กมหาวิทยาลัยคนไหน ต้านทานกลิ่นไอความสวยแบบผู้ใหญ่ที่แผ่ออกมาจากตัวภูติหิมะตรงหน้าของตนได้
   แม่มา…..

      “คุณแม่! ออกมาตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย!? ”

   「ผม」แอบตกใจเล็กๆ ที่อยู่ๆท่านก็โผล่มาอยู่ข้างหลัง
   เพราะว่าตั้งแต่ช่วงเช้า ท่านช่วยคุณพ่ออยู่ในครัวตลอดทั้งวัน
   「ผม」คุยกับพวกท่านไว้ ว่ายังไม่อยากให้คุณแม่ที่เป็นภูติหิมะ ที่อยู่บนเขามาตลอดจนถึงตอนนี้ ออกมาผจญภัย รับมือ-รับหน้ากับบรรดาลูกค้าทั้งหลาย อย่างน้อยก็อีกซักพักจนกว่าท่านจะเคยชินอีกซักหน่อย ฉะนั้นช่วงนี้จึงอยากให้คุณแม่ช่วยงานคุณพ่อในครัวไปก่อน
   แล้วอะไรดลใจให้อยู่ๆ ท่านเดินออกมาพูดเรื่องนี้ล่ะน่ะ?

      “เอ๋ นี่คุณแม่ของเธอเหรอ? ”

      “ทั้งคุณแม่ ทั้งลูกสาวเป็นสาวงามทั้งคู่เลยน้า― ”

   ใช้คำว่า แตกตื่น น่าจะเหมาะสมกับกิริยาของพวกพี่ๆ นักศึกษาในตอนนี้ล่ะนะ
   แต่ว่านะ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ คุณแม่ผู้ร่าเริงและมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าอยู่เสมอ กำลังทำหน้าจริงจังอยู่

      “พวกคุณเป็นคนต่างถิ่น อาจจะไม่ทราบเรื่องนี้ แต่อยากให้คำแนะนำกับคนจรทุกคนน่ะค่ะ ว่าในวันพรุ่งนี้เป็นวันแห่งเทพภูเขา….”

   คนจร…...เก่าไปนะฮะ ใช้คำว่านักท่องเที่ยวดีกว่ามั้ยนะ

      “สมัยก่อนชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ โดยเฉพาะพวกที่อาศัยอยู่บนตีนเขาจะไม่ย่างกรายลึกขึ้นไปบนเขาในวันนั้นเด็ดขาด ด้วยว่าอาจจะถูกเด็กของภูเขาล่อลวงเอาตัวไปได้น่ะค่ะ ถ้าไม่เหนือบ่าฝ่าแรงเกินไปนัก ก็ควรเลี่ยงวันพรุ่งนี้นะคะ”

      “เหะ-เห๋…...”

   ตอนแรกอาจจะแค่ต้องมนต์เพราะความงามของคุณแม่ แต่ตอนนี้มั่นใจว่าดวงตาที่คมกริบเหมือนจะเสียดแทงเข้าไปในจิตใจ กับบรรยากาศอันตรายที่ท่านปล่อยออกมาดึงดูดความสนใจของทุกคนที่อยู่ตรงนี้ไปทั้งหมดแทน แน่นอน รวมถึง「ผม」ด้วย

      “อ-เอาไงดีล่ะ”

      “เปลี่ยนแผนสลับตารางเวลาดีมั้ย? ”

   พวกพี่ๆ ผู้ชายเพิ่มหันรวมหัวกระซิบกระซาบปรึกษากัน
   อย่างไรก็ตาม คุณพี่สาวผมบรอนซ์นั้น ที่ส่งกระแสจิตอาฆาตแสดงความไม่พอใจมาที่「ผม」และคุณแม่อย่างชัดเจนตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้ ก็โวยขึ้น

      “บ้ารึเปล่า ไปเชื่อเรื่องอะไรแบบนั้นกันได้ยังไง? กลัวกันเหรอ? ฉันไม่สนหรอกนะ พรุ่งนี้ก็จะออกไปตามแผนที่วางไว้นั่นแหละ! ”

      “อ-โอ้…...”

      “นั่นสินะ…...”

   สุดท้าย ทุกคนในทีมก็เมินคำเตือนของคุณแม่ เพราะคุณพี่สาวคนนี้

      “ถ้าว่าอย่างนั้นล่ะก็นะคะ…...”

   คุณแม่ทำท่าทางถอดใจ ไม่คิดห้ามอีก

      “งั้นอย่างน้อยก็ขอให้ทุกท่านพึงระลึกเอาไว้นะคะ ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ท้องฟ้ามืดครึ้มลง ลมภูเขาเริ่มกลายเป็นลมหนาวนำพาหิมะลอยมา อย่ารุดหน้าไปต่อ รีบกลับลงมาทันที ”

   กลุ่มลูกค้านักศึกษาเงียบลงจากคำแนะนำที่แผ่วเบาของหญิงสาวในกิโมโนสีขาวตรงหน้า ในขณะที่บางคนก็แลดูเหมือนกำลังตัวสั่นเบาๆ

      “ถ้าไม่เช่นนั้น หากคุณถูกพวกเด็กๆ จับตัวได้ล่ะก็ พวกคุณอาจจะไม่ได้กลับลงมาจากภูเขาอีก ”

ทิ้งท้ายไว้เช่นนั้น แล้วท่านก็เดินกลับเข้าไปช่วยงานในครัวต่อ ในขณะที่โต๊ะของลูกค้าทั้งห้าตกอยู่ในภวัง

      “ห-หา…...”

      “ตะกี้นี้มันอะไรกันเนี่ย…..”

   ทุกคนบนโต๊ะหันไปมองหน้ากันเลิกลั่ก

      “ขอโทษทีนะ ที่รั้งเอาไว้ซะนานเลย เธอกลับไปทำงานต่อเถอะ”

   พี่ชายคนที่ใส่แว่นเอ่ยทัก
   ขณะที่「ผม」ก็พลอยตกอยู่ในภวังไปด้วยก็เหมือนถูกปลุก สะดุ้งตกใจเบาๆ

      “อ่ะ...ค่ะ งั้นขอตัวนะคะ”

   อ๊ะ แย่แล้ว เผลอปล่อยให้ลูกค้าคนอื่นต้องรอซะแล้วสิ….

      “ให้ตายเถอะ พวกนายน่ะ ใจปลาซิวกันจริงๆ เป็นผู้ชายกันซะเปล่า”

   เสียงดังไล่หลังมา ในขณะที่เดินมาส่งออเดอร์ของพวกพี่ๆ นักศึกษาให้กับคุณพ่อในครัว
   จากนั้นรีบฉวยอาหารออเดอร์ของโต๊ะอื่นที่ปรุงเสร็จแล้วกลับไปเสิร์ฟ
   ตอนนี้ร้านกำลังยุ่งมาก และ「ผม」เองก็งานกำลังล้นมืออยู่
   ฉะนั้นเรื่องอื่นๆ ต้องเอาไว้ก่อน

   หลังจากที่ไล่รับออเดอร์ และเสิร์ฟอาหารทุกโต๊ะที่มีในร้าน ระหว่างที่รอให้ลูกค้าทานหรือจนกว่าจะมีใครสั่งอะไรเพิ่ม นั่นคือเวลาพักหายใจชั่วอึดใจ
   มาทบทวนจากการรับมือกับกลุ่มเด็กมหาวิทยาลัยเมื่อสักครู่ดูแล้ว
   ก็นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลว ไม่เสียเปล่า ถือว่าเป็นการฝึกรับมือกับคนหลายๆ แบบ
   จงแสดงความเป็นมิตร และมีสติอยู่เสมอ

   ถึงตะกี้จะเหวอกับคำเตือนที่คุณแม่ออกมาทิ้งบอร์มให้ไว้ก็เถอะ แต่วัยรุ่นก็ยังเป็นวัยรุ่น ตอนนี้พวกพี่ๆ เค้ากลับมาร่าเริงกันได้เหมือนเดิมแล้ว


 
      “ถ้าสนใจล่ะก็ ทางร้านมีของชำร่วยขายอยู่ด้วย ลองดูได้นะคะ ”

   ว่าไปก็พลางชี้ไปที่มุมของชำร่วยที่วางเรียงรายอยู่ข้างๆ เคาน์เตอร์คิดเงิน

      “งั้นเหรอ ขอดูแป๊บนึงนะ”

   ผลตอบรับดีตามที่คิดไว้ ไม่เสียแรงที่หว่านไมตรีไปตะกี้
   ส่วนอีกเรื่องที่เป็นไปตามที่คาดไว้เหมือนกัน คือคุณพี่สาวผมทองตอนนี้ยังทำหน้าเป็นบูดตูดใส่อยู่เลยล่ะ―

      “ร้านที่โรงแรมยังมีให้เลือกเยอะกว่านี้อีก”

   อ่ะ หว่างคิ้วคุณพี่สาวยับจนคิ้วเข้ามาชนประสานงากันอีกแล้วล่ะ

      “มีอันไหนแนะนำมั้ยเอ่ย? ”

      “อ่ะ ลัซ์ก1อันนี้เป็นไงคะ? ”
[1 ラスク(Rasuku) : Rusk เป็นการเอาขนมปังไปอบจนแห้งกรอบ แล้วค่อยเอาไปทำอาหารต่างๆ คาว-หวานตามที่ชอบค่ะ ขนมปังเนยกระเทียมหรือกรูตอง ของบ้านเราก็นับเป็นลัซ์กนะ]

Rusk : https://cookpad.com/recipe/5186549
Rusk : https://oceans-nadia.com/user/14762/recipe/126146
Rusk : https://gurusuguri.com/shop/m682700/000000000079/?__ngt__=TT109ebd6e1000ac1e4ae2cb7maEe-32w13_CkqgzIlk99

   ชนะใจให้ได้ด้วยรอยยิ้ม เอ้ายิ้มหวานๆ ~


<Prev - Index - Next>


TL note : ยูคิยะ ร้ายอ่ะ :v 

Comments

  1. พอเป็นสาวแล้วร้านนะเรา
    นางกวักชัดๆ

    ReplyDelete
  2. ลาก่อยเราได้ภูติหิมะโลลิ+ผองเพื่อนมาเป็นแก๊งค์แล้ว ถถถ+
    https://www.nekopost.net/manga/8285

    ReplyDelete

Post a Comment