001 - บทนำ : การพบเจอกันเมื่อ 15 ปีก่อน ท่ามกลางพายุหิมะ








แปล : Ayumin3310


   “โ-อ่-ย~!”

   เด็กหนุ่มตระโกนกู่ก้องสุดกำลังแข่งกับเสียงหวีดหวิวของพายุหิมะที่กำลังโหมกระหน่ำ

   “ใครก็ได้! ตอบหน่อย!”

   แม้หิมะจะเริ่มทับถมเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม คงส่งเสียงร้องเรียกอย่างต่อเนื่อง

   “ใครก็ได้ ช่วยตอบหน่อย ได้โปรด!”

   แต่สังขารของชายหนุ่มไม่เป็นใจด้วย ยิ่งออกเสียงมากเท่าไหร่ ความแห้งของอากาศก็แย่งความชื้นออกไปจากตัวมากขึ้นเท่านั้น จนสุดท้ายก็เหลือเพียงเสียงที่แหบแห้งในลำคอที่เหมือนกรีดร้อง
สิ่งที่เหลือตรงหน้า มีเพียงลมลมพายุหิมะ และความหนาวเย็นที่โหมกระหน่ำโจมตีมาอย่างไม่จบไม่สิ้น

   “โธ่โว๊ย...”

   ความสิ้นหวังเริ่มเข้ามาในใจของหนุ่มผู้โชคร้าย

   จากแค่ ทริปปีนเขาธรรมดากับเพื่อนๆ แต่เมื่อเจอะเข้ากับพายุหิมะที่โหมเข้ามาอย่างไม่มีลางบอกเหตุใดๆ ขากำลังกลับลงมา ทำให้เขาขาดการติดต่อกับทุกคนในทีม อย่างไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าตนจะต้องตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้

   จากที่ควรจะมีอีกคณะเดินตามเขามาติดๆ กลับขาดการติดต่อ และหายไปอย่างรวดเร็ว เขารีบเช็คร่องรอยของคณะที่อยู่ด้านหน้า แต่ไร้ประโยชน์ หิมะกลบร่องรอยหายไปหมดอย่างรวดเร็ว

   ขณะนี้ จึงเหลือ ตัวเขาเพียงคนเดียว ท่ามกลางดินแดนหิมะขาวโพลนที่โหดร้ายแห่งนี้

   รอบข้างไม่มีอะไรอื่นอยู่อีก นอกจากต้นไม้ที่ถูกคลุมทับด้วยหิมะหนา และทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตาที่ถูกปิดทับไปด้วยสีขาวโพลน

   “ตอนนี้อยู่ตูที่ไหนเนี่ย...”

   ด้วยว่า ชายหนุ่มนั้นจดจำทิวทัศน์รอบข้างขาขึ้นได้เป็นอย่างดี แต่ขณะที่ผ่านเนินเมื่อสักครู่มา สภาพแวดล้อมรอบข้างกลับเปลี่ยนไปจากความทรงจำเมื่อขาปีนขึ้นมา
ประหนึ่งว่าเขาได้ก้าวเข้ามาสู่เขาวงกตที่ไม่เคยได้พบเจอมาก่อน

   พายุยังคงโหมกระหน่ำ แม้แต่ท้องฟ้ายังไร้ซึ่งแสงอาทิตย์เล็ดลอดลงมา ฉะนั้น การบอกทิศทางจึงเป็นไปไม่ได้เลย

   ชายหนุ่มยังคงรุดหน้าไปเรื่อยๆ โดยไม่เห็นทั้งทางออก ไม่พบทั้งคนคุ้นเคยที่ร่วมทาง ไม่รู้ว่าจะได้พบเจออะไรข้างหน้า ด้วยหวังว่าจะรอดพ้นออกไปจากดินแดนสีขาวประหนึ่งขุมนรกแห่งนี้

   รู้ตัวอีกทีค่ำคืนกำลังคลืบคลานมาอย่างรวดเร็ว เขาจึงตัดสินใจที่สร้างแคมป์กลางแจ้งขึ้นมา

   “ชิ…”

    เขาวางกระเป๋าเป้ลงแล้วควานหาอุปกรณ์ที่มีทั้งหมด แล้ววางแผนสร้างแคมป์ขณะมองกราดผ่านเครื่องมือที่มีในนั้น
ด้วยเงื่อนเวลาที่ขมวดเข้ามาเรื่อยๆ เขาจึงลงมือขุดตามที่วางแผนไว้อย่างไม่รีรอใดๆ

   เขาใช้พลั่วพับที่พกมาด้วย ขุดเข้าไปในเนินหิมะเพื่อ สร้างถ้ำ ด้วยเหตุว่าแรงลมจากพายุหิมะที่เผชิญอยู่ขณะนี้รุนแรงมาก ดังนั้นการกางเต๊นท์จึงเป็นไปไม่ได้เลย ทางรอดเดียวของชายหนุ่มที่เหลืออยู่ขณะนี้จึงมีเพียงการขุดถ้ำเท่านั้น

   การขุดหลุมลงไปในหิมะที่ถมกันจนแข็งเพื่อสร้างถ้ำนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ความมืดคลืบคลานเข้ามาเร็วมาก ด้วยว่าอุณหภูมิบนภูเขานั้นจะดิ่งลงอย่างรวดเร็วในเวลากลางคืน และชายหนุ่มรู้ว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงเมื่อไหร่คือจบ

   เขาขุดถ้ำที่มีที่ว่างพอสำหรับคนหนึ่งคนจะแทรกตัวเข้าไปได้สำเร็จในท้ายที่สุด และรีบโผเข้าไปหลบในนั้นทันที

   ชายหนุ่มวางเดิมพันก้อนใหญ่ด้วยชีวิตตนเอง หากสถานการณ์ไม่แย่ลงไปกว่าที่เป็นอยู่ พายุสงบลงและมีการส่งทีมค้นหาออกมา เขาก็อาจจะรอด ฉะนั้นการถนอมแรงเอาไว้เพื่อรอทีมช่วยเหลือจึงเป็นทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่

   ดูเหมือนผลของการวางเดิมพันจะออกมาแล้ว สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ พายุหิมะยังคงโหมกระหน่ำรุนแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

   ชายหนุ่มผู้แพ้พนันขดตัวเป็นก้อนกลม หวังให้ลมฟ้าอากาศเป็นใจ แต่เสียดายว่ามันไม่เป็นเป็นไปตามนั้น

   จากวินาทีเป็นนาที จากนาทีเป็นชั่วโมง

   แม้ถ้ำที่ขุดจากหิมะจะป้องกันลมได้

   แต่ความเย็นนั้นมากเกินกว่าที่จะรับได้ อุณหภูมิในร่างกายค่อยๆ ถูกช่วงชิงไป และลดลงเรื่อยๆ ในไม่ช้าก็จะร่างกายก็จะแข็งจนขยับไม่ได้

   คำๆ เดียวที่โผล่เข้ามาในห้วงความคิดของชายหนุ่มนั้นคือ


   ความตาย


   คำๆ นั้นดังก้องสะท้อนไปมาในจิตใจของเขา ทุกครั้งที่เขาเริ่มสัปหงก


   ตาเริ่มหนักจนยากที่จะฝืน ห้วงนิทราเริ่มเด่นชัดเข้ามา ถ้าอยากรอดก็ต้องตื่นเอาไว้ เขารู้ว่าหากหลับไปเมื่อไหร่นั้นมีเพียงความหมายเดียว

   แต่นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่เขากำลังกังวลอยู่

   เพื่อนๆ เขาจะปลอดภัยมั้ย? ทีมกุ้ภัยเข้าถึงตัวพวกเขาหรือยัง?

   พวกเขาจะออกมาตามหามั้ย…?

   แต่สิ่งที่เขาทำได้เพื่อต่อสู้กับความง่วงที่พยายามโจมตีอยู่ มีเพียงแค่คิดและภาวนาเรื่องพวกนี้อย่างวนไปวนมาเท่านั้น


   เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วนะ คิดพลางลูบมือที่เริ่มไม่มีความรู้สึก เหมือนไม่ใช่มือของตัวเองอีกต่อไปแล้ว

   (frostbite1 เริ่มแล้วสินะ…?)
[1 ภาวะเนื้อเยื่อถูกทำลายจากความเย็น]

   ในถ้ำนี่ก็มืดมาก เพราะงั้นเลยมองไม่เห็นสภาพร่างกายของตน
   ทันใดนั้น...


   “เอ๋~? พี่ชายมาทำอะไรอยู่นี่เหรอคะ?”


   เสียงกังวาลสดใสดังขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย

   ชายหนุ่มมองขึ้นไปที่ทางเข้าถ้ำด้วยความตกใจ

    “!?”

   เขาไม่เชื่อสายตาตัวเอง คิดว่าภาพที่กำลังเห็นตรงหน้าคือภาพหลอน

   เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังฉายยิ้มสดใสยืนอยู่หน้าทางเข้าถ้ำ ท่ามกลางพายุหิมะรุนแรงโหม ประหนึ่งดอกไม้ที่บานอย่างงดงามอยู่ท่ามกลางลมหนาว อย่างไม่ยี่หระประหนึ่งเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ

   ผมของเธอเป็นสีดำ ดวงตากลมโตสีเข้ม แก้มนวลน่ารักดั่งลูกท้อ ริมฝีปากแดงสด

   เธอยังดูเด็กอยู่มาก และที่สำคัญคือ ชุดที่ใส่เป็นเพียงกิโมโนชั้นใน1สีขาวตัวเดียวเท่านั้น
[1 和服の肌着 : แปลตรงตัวว่า ชุดชั้นในแบบญี่ปุ่น แต่ในที่นี้คือชุดที่ไว้ใส่ชั้นสุดก่อนที่จะใส่กิโมโน ชมรูปได้ที่ท้ายบท]

   ด้วยว่าอุณหภูมิภายนอกนั้น ติดลบยี่สิบองศา การที่จะมีใครจะใส่ชุดแบบนั้นท่ามกลางสภาพอากาศเช่นนี้จึงเป็นไปไม่ได้เลย

   ฝันเรอะ? ภาพลวงตา? ชายหนุ่มยังคงไม่เชื่อสิ่งที่รับรู้อยู่ตรงหน้า

   (นี่มันภาพหลอนแน่ๆ ไม่มีเด็กผู้หญิงอยู่ตรงนั้นหรอก)

   กระนั้นเด็กสาวภาพหลอนคนนั้น ก็ยังถือวิสาสะเข้ามาในถ้ำด้วยรอยยิ้ม ซึ่งดวงตาใสซื่อและรอยยิ้มนั้นก็ส่งตรงถึงเขา

   “ว้าว~ สวยจังเลย นี่มันอะไรเนี่ย? ไม่ใช่ทั้งผ้าไหมหรือขนเฟอเลยนี่นา”

   เสียงสดใสแหววขึ้น ขณะที่เธอจับชุดที่ชายหนุ่มสวมใส่ไปทั่วอย่างสงสัยใคร่รู้ สัมผัสของเธอช่างสมจริง เด็กสาวที่ควรจะเป็นเพียงภาพหลอน กลับดู เป็นจริง อย่างน่าประหลาดใจ

   “ทำสีฟ้าสดขนาดนี้มาได้ยังไงคะ? ใช้สีย้อมจากดอกไอริสหรือเนี่ย”

   แค่ชุดกันหนาวสีฟ้าสดพาดลายสีเหลืองสำหรับปีนเขาธรรมดาเอง

   “นี่----”

   เสียงหัวเราะอย่างไร้เดียงสาของสาวน้อย ละลายความหวาดกลัวที่กัดกินจิตใจของชายหนุ่มหายไป ทำให้เขาก้าวข้ามความลังเล และตัดสินใจที่จะเอ่ยปากพูดคุยกับเธอ

   “นี่น่ะ มันแค่ชุดกันหนาวสำหรับเล่นสกีธรรมดาเอง”
 
   “ซะ-กี? สมเป็นในเมือง รสนิยมการแต่งตัวช่างดีจังเลยน้า~”

   เขาพยักหน้า พลางประหลาดใจกับการที่ตัวเองกำลังสนทนากับภาพหลอนได้อย่างเป็นเรื่องราว

   แต่ถึงกระนั้น เขาก็สบายใจ ที่อย่างน้อยก็รู้สึกว่าตนไม่ได้อยู่คนเดียว


   “แล้วนี่อะไรคะเนี่ย”


   คราวนี้สาวน้อยหันไปสนใจกับนาฬิกาข้อมือที่เขาสวมไว้


   “นี่น่ะ...เค้าเรียกว่านาฬิกาข้อมือ”

   “นาฬิกา? ถ้าเป็นนาฬิกา เราก็สามารถรู้เวลาได้จากเจ้านี่งั้นเหรอคะ? เยี่ยมเลยยย...”

   ความท่าทีอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่เดียงสาของสาวน้อยตรงหน้านั้นทั้งน่ารัก และขบขันในเวลาเดียวกัน

   ทันใดนั้น ความทรงจำของชายหนุ่มที่เกี่ยวกับเรื่องราวในวงสนทนาของเพื่อนๆ ก็แว่บเข้ามา
เรื่องราวที่เล่าต่อๆ กันมาอย่างกว้างขวางในหมู่บรรดานักปีนเขาทั้งหลาย
กล่าวถึงเรื่องของผู้คนที่ตายบนภูเขาหิมะแบบแปลกๆ ทั้งแก้ผ้าล่อนจ้อน หรือกระโดดลงไปในน้ำทั้งที่อากาศภายนอกติดลบ หรือถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็จะถูกพบในสภาพที่สติหลุดกระเจิงไปแล้ว

   เป็นเรื่องราวลึกลับที่ไม่ว่านักวิทยาศาสตร์ หรือแพทย์ก็ไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ บ้างก็ว่าอาจจะเป็นผลของภาวะไฮโปเธอร์เมีย1 ที่ทำให้สมองลัดวงจร บ้างก็ว่าเกิดจากความสับสนที่ร่างกายสูญเสียความสามารถที่เรียกว่าโฮมีโอสเตซิส2 ไป เรื่องพวกนี้นับเป็นตำนานของนักสำรวจทั้งหลาย
[1 hypothermia (ไฮโปเธอร์เมีย) : ภาวะตัวเย็นเกิน คือภาวะที่ร่างกายสูญเสียความร้อนอย่างรวดเร็วจนมีอุณหภูมิต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียส ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานต่าง ๆ ในร่างกาย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้ระบบหัวใจและระบบทางเดินหายใจล้มเหลว ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตได้]
[2 homeostasis (โฮมีโอสเตซิส) : การที่ร่างกายสามารถรักษาภาวะในร่างกายให้คงที่ เช่น อุณหภูมิ ความดันเลือด ความสมดุลของน้ำและเกลือแร่ เป็นต้น โดยไม่ให้เปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะแวดล้อม เช่น ควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ ความเป็นกรดเป็นด่าง ความเข้มข้นของสารต่าง ๆ ]

   และสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ ก็คือตำนานที่ว่านั่น

   นั่นก็หมายความว่า วาระสุดท้ายกำลังใกล้เข้ามา

   ฉะนั้นแล้ว เด็กสาวคนนี้ก็คือยมทูตสินะ ?

   และถ้ามองข้ามว่านี่อาจจะเป็นภาพหลอนของตัวเขาเอง เด็กผู้หญิงที่แก้มเหมือนลูกท้อคนนั้น กำลังให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือของเขาอยู่

    “เล็กจัง...โฮ่? ส-ส่องแสงออกมาได้ด้วยล่ะ! แล้วก็มีภาพทิวทัศน์ออกมาจากเจ้ากล่องจิ๋วนี่ด้วย….สวยจังเลย….”

   ที่เด็กสาวคนนี้กำลังเห็นอยู่ คือภาพภูเขา ที่เป็นวอลเปเปอร์โทรศัพท์ของเขานั่นเอง

   “เจ้านี่มันทำงานยังไงคะเนี่ย?”

   สาวน้อยแตะหน้าจอหลายต่อหลายครั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พอรู้สึกตัวอีกที ชายหนุ่มก็หมดสิ้นความกลัวไปแล้วอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกที่เหลืออยู่ ณ ตอนนี้มีเพียงความอยากเห็นปฏิกิริยาที่น่ารักของเด็กหญิงต่อไปเรื่อยๆ เท่านั้น

   “ลองกินนี่ดูมั้ย?”

   เขาหยิบช๊อคโกแลตที่เป็น อาหารฉุกเฉินอันแสนสำคัญออกมาจากเป้

   “อะไรเหรอๆ ?”

   ชายที่ลืมความหนาวไปแล้วโดยสิ้นเชิงแกะอลูมิเนี่ยมที่ห่อช๊อคโกแลตแท่งออกแล้วยื่นไปให้เด็กน้อยตรงหน้า

   “อยากกินมั้ย?”

   “หืม อะไรเหรอคะ? เจ้าสีดำๆ เนี่ย...ว่าแต่หอมจังเลย กินได้จริงๆ เหรอคะ?”

   “แน่นอนสิ”

   ว่าไปพลางยื่นช๊อกโกแลตให้

   “หวานอ่ะ อร่อยอ่ะ ♥”

   เด็กน้อยที่ถูกล่อด้วยขนมหวานกำลังเคี้ยวช๊อกโกแลตอย่างมีความสุข

   ชายหนุ่มคิดอย่างเอ็นดูว่า ถ้ายมทูตเป็นเด็กสาวที่น่ารักและตลกได้ขนาดนี้
ต่อให้หนาวตายไปก็คงไม่ใช่เรื่องที่แย่นักหรอกนะ

   แต่ก่อนที่วาระสุดท้ายจะมาถึง มีสิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มนั้นอยากรู้

   “เธอน่ะ ชื่อว่าอะไรเหรอ?”

   เด็กสาวส่งยิ้มสดใสตอบ

   “ฉันน่ะเหรอ? ฉันชื่อยูคิโนะ1 เป็นภูติหิมะ2 ล่ะ”
[1 雪乃 (Yukino) ]
[2 雪女(Yuki-onna) : ยูคิ-อนนะ (ภูติหิมะ) แต่ถ้าแปลตรงตัวจะเป็น “ผู้หญิงหิมะ” เป็นปิศาจพื้นบ้านของญี่ปุ่น โผล่มาในนิยายปรัมปราและเรื่องเล่าไปทั่วญี่ปุ่น จารึกที่เก่าแก่ที่สุดย้อนไปได้คือสมัยมุโรมาจิ (ยุคที่มีปราสาททองคำในอิคคิวซัง,คศ.1336-1573) มีลักษณะเป็นหญิงสาวสวย มักอาศัยอยู่ในพื้นที่ๆ หิมะตกหนัก ชอบความเย็น มีทั้งที่ทำร้าย และช่วยเหลือมนุษย์  ชมรูปได้ที่ท้ายบท]










Comments